Mitigation Block เป็นรูปแบบกราฟที่บ่งบอกถึงการกลับตัวของราคา (Reversal) ตามแนวคิด ICT (Inner Circle Trader) ที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ โดยเฉพาะผู้ที่เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของราคาเกิดจากพฤติกรรมของ Smart Money ในตลาด
Mitigation Block คืออะไร
โดยนิยาม Mitigation Block เป็นสภาวะที่ราคาไม่สามารถสร้าง Swing High หรือ Swing Low ใหม่ได้ หลังจากแตะบริเวณ Reference Point สำคัญของ Smart Money เช่น Order Block, Breaker Block หรือ Imbalance เป็นต้น
ซึ่งสภาวะดังกล่าวถือเป็นการ Fail ของราคาในการยืนยันทิศทางเดิม และมักจะนำมาซึ่งการพลิกกลับของเทรนด์ในที่สุด
แนวคิดหลักของ Mitigation คือ การ Sell เมื่อราคาขึ้นไปใกล้บริเวณ Mitigation Block ในตลาดหมี หรือ Buy เมื่อราคาลงมาใกล้บริเวณ Mitigation Block ในตลาดกระทิง
ประเภทของ Mitigation Block
เราสามารถแบ่ง Mitigation Block เป็นสองประเภท ตามทิศทางการกลับตัวของราคาได้ดังนี้
1. Bearish Mitigation Block
เกิดขึ้นเมื่อราคาที่อยู่ในช่วงขาขึ้น (Bullish Trend) เคลื่อนที่ไปแตะจุด Reference Point ที่มีแนวโน้มกดดันราคาลง เช่น Bearish Order Block, Bearish Breaker Block หรือ High TF Buy Side Liq เป็นต้น
- หลังจากแตะแนวต้านเหล่านั้น ราคาไม่สามารถทำ Higher High ใหม่ได้ กลับกันกลายเป็นทำ Lower High แทนราคาเริ่มปรับตัวลงและทะลุ Higher Low ก่อนหน้า ทำให้เกิดการกลับโครงสร้างตลาด (Structure Shift) เข้าสู่ Downside
- ลักษณะเช่นนี้ เรียกว่าเป็นการ “Fail to Swing Higher” ของราคานั่นเอง
- พื้นที่จาก Swing Low ที่ถูกทะลุ (A) ยันไปถึง Lower High ที่เกิดตามมา (B) คือส่วนที่เราเรียกว่า “Bearish Mitigation Block”
- แนวคิดเบื้องหลังคือ ตอนที่ราคากำลังขึ้น (A ไป B) เทรดเดอร์จำนวนมากคงเปิดออเดอร์ Buy เอาไว้ แต่เมื่อราคาไม่สามารถทำ High ใหม่ได้ พวกเขาจะพยายาม Mitigate Loss โดยปิดออเดอร์เมื่อราคาย้อนขึ้นไปใกล้จุดเปิดออเดอร์อีกครั้ง
- นี่จึงเป็นโอกาสให้ Smart Money เข้ามา Sell ตรงบริเวณ Bearish Mitigation Block นี้ เนื่องจากมี Bias จาก Reference Point ที่กดดันราคาลงในภาพรวม
2. Bullish Mitigation Block
เกิดขึ้นเมื่อราคาที่อยู่ในช่วงขาลง (Bearish Trend) เคลื่อนที่ไปแตะจุด Reference Point ที่มีแนวโน้มหนุนราคาขึ้น เช่น Bullish Order Block, Bullish Breaker Block หรือ Low TF Sell Side Liq เป็นต้น
หลังจากแตะแนวรับเหล่านั้น ราคาไม่สามารถทะลุ Lower Low ลงไปได้ กลับกันกลายเป็นทำ Higher Low แทน จากนั้นราคาเริ่มปรับตัวขึ้นและผ่าน Lower High ก่อนหน้า ทำให้เกิดการกลับโครงสร้างตลาด (Structure Shift) เข้าสู่ Upside
- ลักษณะเช่นนี้ เรียกว่าเป็นการ “Fail to Swing Lower” ของราคานั่นเอง
- พื้นที่จาก Swing High ที่ถูกทะลุ (A) ยันไปถึง Higher Low ที่เกิดตามมา (B) คือส่วนที่เราเรียกว่า “Bullish Mitigation Block”
- แนวคิดเบื้องหลังคือ ตอนที่ราคากำลังลง (A ไป B) เทรดเดอร์จำนวนมากคงเปิดออเดอร์ Sell เอาไว้ แต่เมื่อราคาไม่สามารถทะลุ Low เดิมได้ พวกเขาจะพยายาม Mitigate Loss โดยปิดออเดอร์เมื่อราคาย้อนลงมาใกล้จุดเปิดออเดอร์อีกครั้ง
- นี่จึงเป็นโอกาสให้ Smart Money เข้ามา Buy ตรงบริเวณ Bullish Mitigation Block นี้ เนื่องจากมี Bias จาก Reference Point ที่หนุนราคาขึ้นในภาพรวม
ตัวอย่าง Mitigation Block บนกราฟ
มาดูตัวอย่างบนกราฟ XAU/USD ในกรอบเวลา H4 กัน
- เราจะเห็นว่าก่อนหน้านั้นราคาอยู่ในช่วงขาขึ้นที่ชัดเจน มีการทำ Higher High และ Higher Low มาอย่างต่อเนื่อง
- แต่เมื่อราคาเคลื่อนเข้าใกล้ PD Array ที่มีแนวโน้มกดดันราคา มันกลับไม่สามารถทำ Higher High ได้ และเริ่มปรับลงทันที
- หลังจากนั้นราคาก็ทะลุ Low ก่อนหน้า และเปลี่ยนโครงสร้างตลาดเข้าสู่ขาลง ก่อให้เกิด Bearish Mitigation Block ขึ้นมา
- ซึ่งเมื่อราคาย้อนกลับขึ้นมาแตะบริเวณ Block นี้อีกครั้ง ก็เกิดการรีบาวด์ลงมาอย่างแรง เป็นการชี้นำแนวโน้มของตลาดในระยะสั้นได้เป็นอย่างดี
ข้อแตกต่างระหว่าง Mitigation Block กับ Breaker Block
- ถึงแม้ว่า Mitigation Block และ Breaker Block จะดูคล้ายกันมาก เพราะต่างก็เป็นรูปแบบการกลับตัวของราคา แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ
- ในกรณีของ Breaker Block ราคาจะต้องมีการ Sweep High/Low ก่อนที่จะมีการเปลี่ยน Structure (Structure Shift)
- ในขณะที่ Mitigation Block ราคาไม่จำเป็นต้อง Sweep เลย เพียงแค่ Fail to Swing Higher/Lower ก็นับว่าใช้ได้แล้ว
- นอกจากนี้ Breaker Block จะ Mark ที่แท่งเทียนใบสุดท้ายก่อน Shift Structure ส่วน Mitigation Block จะ Mark ทั้ง Zone ราคาที่ Rally/Decline ในระยะสั้นๆ
สรุป
Mitigation Block เป็นโซนที่บ่งบอกการกลับตัวของราคาตาม ICT Concept
โดยเกิดจากการที่ราคาไม่สามารถสร้าง Swing ใหม่ได้ หลังจากแตะจุด Reference Point สำคัญ
เราสามารถแบ่ง Mitigation Block ออกเป็นสองแบบหลักๆ คือ Bullish กับ Bearish ขึ้นอยู่กับทิศทางของการกลับตัว
การค้นหา Block ประเภทนี้บนกราฟ จะช่วยให้เรามองเห็นแนวโน้มการเคลื่อนไหวราคาในอนาคตได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยใช้เป็นโซนสำหรับการเปิดออเดอร์ตามทิศทางการกลับตัวในครั้งต่อๆไป
อย่างไรก็ตาม Mitigation Block แตกต่างจาก Breaker Block ตรงที่ไม่จำเป็นต้องมีการ Sweep High/Low และจะ Mark พื้นที่ของราคาแทนการเน้นแท่งเทียนสุดท้ายก่อนการกลับตัวเท่านั้น
Key Takeaways
- Mitigation Block คือโซนที่แสดงการ Fail to Swing High/Low ของราคา บ่งบอกการกลับตัวของเทรนด์
- มี 2 ประเภทหลักคือ Bearish Mitigation Block กับ Bullish Mitigation Block
- เกิดขึ้นเมื่อราคาไปแตะ Reference Point ที่มีแนวโน้มกดดัน/หนุนราคา แล้วไม่สามารถสร้าง High/Low ใหม่ได้
- เป็นโอกาสสำหรับ Smart Money ในการทำกำไรโดยเปิดออเดอร์ตามทิศทางการกลับตัว
- ต่างจาก Breaker Block ตรงที่ไม่มีการ Sweep และจะ Mark เป็น Zone ไม่ใช่แท่งเดียว
Dojipedia เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลการลงทุนเกี่ยวกับตลาด Forex มีประสบการณ์การลงทุนในตลาด Forex มา 5 ปี ภายหลังจากที่ศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค และได้สนใจทั้ง Elliott Wave, ICT Trading, Smart Money Concept และวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ จนชำนาญ พบว่า ความรู้ที่ตัวเองศึกษาได้ผล จึงสร้างเว็บขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ความรู้ เรามีแผนการเขียนหนังสือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อแจกฟรี สามารถหาโหลดได้โดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางการค้า
ความชำนาญ
- การเลือกโบรกเกอร์ Forex
- Inner Circle Trader
- Smart Money Concept
- Elliott Wave
- Tradingview Technical Analysis
ผลงาน
- รวมรูปแบบกราฟแท่งเทียนญี่ปุ่น โดย Dojipedia
- หนังสือ ทฤษฎี Dow Theory โดย Dojipedia
- หนังสือ สามมหาวิถี โดย Homma เรียบเรียง โดย Dojipedia
- หนังสือ The Martingale โดย Dojipedia
- หนังสือ Inner Circle Trader (ICT Concept) โดย Dojipedia (EN), (TH)