FBS ดีไหม รีวิวข้อดีข้อเสียโบรกเกอร์ FBS อย่างละเอียด

FBS เป็นโบรกเกอร์ Forex ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ต่างประเทศที่คนไทยนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ ด้วยการให้บริการที่ยาวนานและการปรับตัวเข้ากับตลาดไทยอย่างดี FBS ได้สร้างชื่อเสียงและความไว้วางใจจากนักเทรดชาวไทยมาอย่างยาวนาน

แต่ FBS ดีจริงหรือไม่? ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับโบรกเกอร์รายนี้อย่างละเอียด พร้อมวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่า FBS เหมาะกับความต้องการในการเทรดของคุณหรือไม่

โบรกเกอร์ FBS คือ อะไร?

FBS เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เบลีซ แม้จะเริ่มต้นจากการเป็นโบรกเกอร์ต่างประเทศ แต่ FBS ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำให้กลายเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ต่างประเทศที่คนไทยรู้จักและไว้วางใจมาก

FBS ให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์สำหรับ Forex, CFD บนหุ้น, ดัชนี, โลหะมีค่า และคริปโตเคอร์เรนซี โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการให้บริการลูกค้าที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ FBS ยังให้ความสำคัญกับการปรับบริการให้เข้ากับความต้องการของตลาดไทย เช่น การมีทีมสนับสนุนที่พูดภาษาไทย และการจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านการเทรดสำหรับนักลงทุนชาวไทยอย่างสม่ำเสมอ

FBS ดีไหม

ผู้ให้บริการซื้อขาย CFD หรือ Forex นั้น แต่ละโบรกเกอร์มีข้อดีกับข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยเราได้รวบรวมจุดเด่นกับข้อเสียเปรียบที่ทำให้เทรดเดอร์ตัดสินใจเกี่ยวกับการไว้ใจในการลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งจะสามารถแบ่งออกเป็นข้อดีและข้อเสียของโบรกเกอร์ FBS ได้ดังนี้

ข้อดี โบรกเกอร์ FBS

1. ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ – ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานชั้นนำหลายแห่ง เช่น CySEC (ไซปรัส) และ ASIC (ออสเตรเลีย)
2. เงื่อนไขการเทรดที่เอื้อต่อเทรดเดอร์ – ค่าสเปรดต่ำ, มีบัญชีไม่มีสว็อป, ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในบางประเภทบัญชี
3. แพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย – มี MetaTrader 4, MetaTrader 5 และ FBS Trader App ให้เลือกใช้
4. มีสินทรัพย์ให้เทรดหลากหลาย – ครอบคลุม Forex, CFD บนหุ้น, ดัชนี, โลหะมีค่า และคริปโตเคอร์เรนซี
5. มีบัญชีเทรดให้เลือกหลายประเภท – เหมาะกับทั้งมือใหม่และเทรดเดอร์มืออาชีพ
6. เงินฝากขั้นต่ำต่ำมาก – เริ่มต้นเพียง $1 สำหรับบัญชี Cent
7. มีโบนัสและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ – เช่น โบนัสเงินฝาก 100%
8. ฝากถอนเงินสะดวกและรวดเร็ว – รองรับหลายช่องทาง รวมถึงธนาคารไทย
9. มีเครื่องมือและบทวิเคราะห์ทางเทคนิคให้ใช้ฟรี
10. ระบบการสนับสนุนลูกค้าที่ดี – มีบริการภาษาไทยผ่านหลายช่องทาง รวมถึง Live Chat และโทรศัพท์

ข้อเสีย โบรกเกอร์ FBS

1. ไม่ได้รับการกำกับดูแลโดย ก.ล.ต. ไทย
2. บางประเภทบัญชีมีค่าสเปรดที่ค่อนข้างกว้าง
3. อาจมีข้อจำกัดในการใช้ Expert Advisors (EAs) บางประเภท
4. เว็บไซต์อาจมีปัญหาในการเข้าถึงบางครั้ง

ความน่าเชื่อถือของ โบรกเกอร์ FBS

FBS ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินหลายแห่ง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับโบรกเกอร์ ดังนี้:

1. Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC) – ไซปรัส
   • ใบอนุญาตเลขที่: 315/16
2. Australian Securities and Investments Commission (ASIC) – ออสเตรเลีย
   • ใบอนุญาตเลขที่: 426359
3. International Financial Services Commission (IFSC) – เบลีซ
   • ใบอนุญาตเลขที่: IFSC/60/230/TS/19
4. Financial Services Commission (FSC) – หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน
   • ใบอนุญาตเลขที่: SIBA/L/19/1119

นอกจากนี้ FBS ยังได้รับรางวัลจากหลายสถาบัน เช่น “Best Forex Broker Asia” จาก Global Banking & Finance Review และ “Best Trading Platform” จาก Forex Awards

ปีที่ก่อตั้ง / อายุของการให้บริการด้าน Forex

FBS ก่อตั้งขึ้นในปี 2009 นั่นหมายความว่า พวกเขาเปิดให้บริการมามากกว่า 15 ปี ซึ่งแสดงถึงความมั่นคงและประสบการณ์ในอุตสาหกรรม Forex

คะแนนจาก Trustpilot

FBS ได้รับคะแนนจาก Trustpilot 4.3 จาก 5 ดาว จากผู้รีวิวมากกว่า 1,000 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจของลูกค้าส่วนใหญ่

FBS ประเภทบัญชี

FBS มีบัญชีซื้อขายเพียงประเภทเดียว คือ บัญชี Standard

บัญชี Standard FBS

• เงินฝากขั้นต่ำ: $5 (ประมาณ 180 บาท)
• เลเวอเรจ: สูงสุด 1:3000
• สเปรด: เริ่มต้นที่ 0.7 pips
• ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มี
• แพลตฟอร์ม: MT4 และ MT5
• การส่งคำสั่งซื้อขาย: Market Execution
• จำนวน Lot สูงสุด: 500 Lot
• จำนวน Lot ต่ำสุด: 0.01 Lot
• ความเร็วในการส่งคำสั่ง: เฉลี่ย 0.4 วินาที
• จำนวน Position สูงสุด: 200 รายการพร้อมกัน

บัญชี Standard ของ FBS เหมาะสำหรับทั้งนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ เนื่องจากมีเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำ ไม่มีค่าคอมมิชชั่น และมีเลเวอเรจสูง อย่างไรก็ตาม นักเทรดมือใหม่ควรระมัดระวังในการใช้เลเวอเรจสูง เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนได้

แพลตฟอร์มการเทรด

FBS มีแพลตฟอร์มการเทรดหลัก 3 แพลตฟอร์ม:

1. MetaTrader 4 (MT4)
   • แพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการเทรด Forex
   • รองรับ Expert Advisors (EAs)
   • มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคมากมาย
2. MetaTrader 5 (MT5)
   • เวอร์ชันที่พัฒนาต่อจาก MT4
   • รองรับการเทรดสินทรัพย์ที่หลากหลายกว่า
   • มีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น Economic Calendar ในตัว
3. FBS Trader App
   • แอปพลิเคชันมือถือที่พัฒนาโดย FBS
   • ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่
   • มีฟีเจอร์การคัดลอกการเทรด (Copy Trading)

การฝาก-ถอน โบรกเกอร์ FBS

FBS มีช่องทางการฝากและถอนเงินที่หลากหลายและสะดวกสำหรับนักลงทุนชาวไทย:

• ฝากเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต
• โอนเงินผ่านธนาคารท้องถิ่น
• e-wallets เช่น Skrill, Neteller
• การโอนเงินผ่านระบบออนไลน์ของธนาคารไทย
• Cryptocurrency

การฝากเงินส่วนใหญ่จะเข้าบัญชีทันที ส่วนการถอนเงินใช้เวลาประมาณ 1-3 วันทำการ ขึ้นอยู่กับวิธีการถอน

FBS ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการฝากเงิน แต่อาจมีค่าธรรมเนียมการถอนเงินในบางวิธี

FBS เทรดอะไรได้บ้าง

FBS ให้บริการเทรดสินทรัพย์หลากหลายประเภท ได้แก่:

1. Forex: คู่สกุลเงินหลักและรอง รวมกว่า 50 คู่สกุลเงิน
2. Cryptocurrency: Bitcoin, Ethereum และ crypto อื่นๆ
3. หุ้น: หุ้นของบริษัทชั้นนำจากทั่วโลก
4. ดัชนี: ดัชนีหุ้นสำคัญจากหลายประเทศ
5. สินค้าโภคภัณฑ์: ทองคำ, น้ำมัน และโลหะมีค่าอื่นๆ

FBS ค่าธรรมเนียม

1. ค่าสเปรด:
   • EURUSD: เริ่มต้นที่ 0.7 pips (เฉลี่ย 1.2 pips)
   • ทองคำ (XAUUSD): 37.1 USD / 1 Lot
   • Bitcoin: 0.02878% ของราคา Bitcoin
2. ค่า Swap: ไม่มีค่า Swap สำหรับสินทรัพย์ส่วนใหญ่ (ยกเว้น Forex Exotic และดัชนี)
3. ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในบัญชี Standard
4. ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน:
   • ไม่มีค่าธรรมเนียมฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย
   • อาจมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อยสำหรับการถอนผ่าน e-wallets และ crypto wallets

FBS เหมาะกับคนไทยไหม

FBS มีคุณสมบัติหลายประการที่ทำให้เหมาะสมกับนักลงทุนชาวไทย:

1. รองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทยได้: ทำให้การทำธุรกรรมสะดวกและรวดเร็ว
2. มีเว็บไซต์และแอปพลิเคชันภาษาไทย: ช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าใจข้อมูลและใช้งานได้ง่าย
3. มีทีมสนับสนุนลูกค้าที่พูดภาษาไทยได้: สามารถให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. มีการฝึกอบรมและสัมมนาออนไลน์สำหรับนักลงทุนไทย: ช่วยพัฒนาความรู้และทักษะการเทรด
5. มีโบนัสและโปรโมชันที่น่าสนใจ: เช่น โบนัสเงินฝาก 100% ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนไทย
6. รองรับการเทรด Cryptocurrency: ตอบสนองความสนใจของนักลงทุนไทยในสินทรัพย์ดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาข้อจำกัดบางประการ เช่น:

1. ไม่ได้รับการกำกับดูแลโดย ก.ล.ต. ไทย: อาจทำให้การคุ้มครองนักลงทุนไทยไม่ครอบคลุมเท่ากับโบรกเกอร์ในประเทศ
2. อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน: เนื่องจากบัญชีหลักเป็นสกุลเงิน USD

ความสะดวกในการใช้งาน

FBS ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ:

1. การสมัครเปิดบัญชี: ทำได้ออนไลน์ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
2. การยืนยันตัวตน: ส่งเอกสารออนไลน์ ใช้เวลาตรวจสอบ 1-2 วันทำการ
3. การฝาก-ถอนเงิน: ทำได้ง่ายผ่านเว็บไซต์หรือแอป FBS Trader
4. การเทรด: มีแพลตฟอร์มให้เลือกหลากหลาย รองรับทั้ง PC และมือถือ
5. การดูรายงาน: สามารถดูประวัติการเทรดและรายงานทางการเงินได้ง่าย
6. การเข้าถึงบทวิเคราะห์: มีบทวิเคราะห์ตลาดและเครื่องมือทางเทคนิคให้ใช้ฟรี

ช่องทางการติดต่อ FBS

FBS มีช่องทางการติดต่อหลายช่องทางสำหรับลูกค้า:

1. Live Chat: บนเว็บไซต์ ให้บริการ 24/7
2. อีเมล: [email protected]
3. โทรศัพท์: มีหมายเลขโทรฟรีสำหรับหลายประเทศ รวมถึงไทย
4. Social Media: Facebook, Line, Instagram, YouTube
5. สำนักงานตัวแทน: มีสำนักงานในหลายประเทศทั่วโลก

ทีมสนับสนุนลูกค้าของ FBS ให้บริการในหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย

สรุป

FBS เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่มีความน่าเชื่อถือสูง มีจุดเด่นในเรื่องของเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำมาก การฝาก-ถอนเงินที่สะดวกรวดเร็ว และมีโบนัสที่น่าสนใจ รวมถึงมีแพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนมือใหม่และมืออาชีพ

FBS มีความเหมาะสมกับนักลงทุนชาวไทยในหลายด้าน ทั้งการมีบริการภาษาไทย การรองรับการฝาก-ถอนผ่านธนาคารไทย และการมีบัญชีที่เหมาะกับผู้มีเงินทุนน้อย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การไม่ได้รับการกำกับดูแลโดย ก.ล.ต. ไทย และความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ก่อนตัดสินใจเปิดบัญชีกับ FBS

โดยสรุปแล้ว FBS เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนชาวไทยที่ต้องการโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีเงื่อนไขการเทรดที่ดี และมีการสนับสนุนลูกค้าที่ดี แต่ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและเข้าใจความเสี่ยงก่อนเริ่มต้นลงทุน