BOS Forex คือ อะไร วิธีการวิเคราะห์ในการเทรด

ในบรรดาเทคนิคการวิเคราะห์กราฟแบบ Price Action ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน BOS หรือ Break of Structure ถือเป็นหนึ่งในคอนเซปต์ที่สำคัญที่สุด เพราะสามารถช่วยให้เทรดเดอร์ระบุทิศทางและแนวโน้มของตลาดได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

BOS คืออะไร

BOS ย่อมาจาก Break of Structure หมายถึงจุดที่ราคาทะลุผ่าน Swing High หรือ Swing Low ครั้งล่าสุดไปได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกราฟจากที่เคยเป็นมา

เมื่อ BOS เกิดขึ้น มันมักจะสื่อถึงการเปลี่ยนทิศทางของเทรนด์หรืออย่างน้อยก็เป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะสั้นไปจนถึงระยะกลาง

โดยเราสามารถแบ่ง BOS ออกเป็น 2 ประเภทหลัก ตามทิศทางของการเคลื่อนไหวได้แก่

1. Bullish BOS เกิดเมื่อราคาทะลุผ่าน Swing High ล่าสุดขึ้นไปได้ บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นขาขึ้น
2. Bearish BOS เกิดเมื่อราคาทะลุผ่าน Swing Low ล่าสุดลงมาได้ บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นขาลง

ลักษณะสำคัญของ BOS

BOS นั้นมีหลายลักษณะที่เทรดเดอร์ควรให้ความสนใจ เช่น

• BOS เป็นการ Break Structure ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการทะลุแนวต้านหรือทะลุแนวรับ
• BOS Candle ส่วนใหญ่มักจะเป็นแท่งเทียนที่มีขนาดใหญ่และมีความโดดเด่น
• BOS มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดอยู่ในสภาวะ Ranging หรือไร้ทิศทางมาสักระยะ
• เมื่อ BOS เกิดขึ้น ราคามักจะมีการเคลื่อนไหวแบบ Impulsive อย่างรวดเร็วและรุนแรง
• หลังจากเกิด BOS มักจะมีการพักตัวและย้อนกลับมาทดสอบบริเวณ BOS อีกครั้ง ก่อนที่จะเคลื่อนไปตามทิศทางใหม่ต่อ

วิธีการวิเคราะห์ BOS สำหรับนักเทรด

1. สังเกตหา Swing High และ Swing Low ในกราฟ โดยเฉพาะในกรอบเวลา H1 ขึ้นไป
2. ลากเส้น Trendline หรือ Channel เพื่อเชื่อมจุด Swing เหล่านั้น ทำให้เห็นโครงสร้างของราคาชัดเจนขึ้น
3. คอยจับตาดูว่าเมื่อไหร่ราคาจะมีการทะลุเส้น Trendline หรือออกจาก Channel
4. ถ้าราคาผ่าน Swing High ไปได้ก็ถือว่าเป็น Bullish BOS ถ้าทะลุ Swing Low ลงมาก็เป็น Bearish BOS
5. เมื่อราคาเริ่ม Move ไปในทิศทางใหม่หลัง BOS แล้ว ให้รอจังหวะที่ราคาย้อนกลับมาแตะบริเวณเส้น BOS อีกครั้ง
6. ถ้าบริเวณ BOS มีแนวต้านหรือแนวรับอื่นๆมาประกอบด้วย เช่น EMA, รอบ Fibo หรือ Pivot Point ยิ่งเป็นการคอนเฟิร์มความน่าเชื่อถือมากขึ้น
7. เมื่อราคาแตะบริเวณ BOS แล้วมีการดีดตัวออกมา เราก็สามารถเปิดออเดอร์ไปตามทิศทางของ BOS ได้ทันที
8. อย่าลืมวาง Stop Loss ไว้เหนือหรือใต้กรอบของ BOS ที่ราคาเพิ่ง Break ออกมา ประมาณ 10-30 Pips
9. สำหรับ Take Profit อาจจะคำนวณจากขนาดของ BOS Candle เป็น 2-3 เท่า หรืออาจกำหนดที่ Swing ถัดไปเลยก็ได้
10. หมั่นติดตามและอัพเดทเส้น Trendline, Channel และระดับ Swing High/Low อยู่เสมอ เพราะ BOS ใหม่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ข้อควรระวังในการใช้ BOS

แม้ BOS จะเป็นสัญญาณที่ดีในการบอกทิศทางของตลาด แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้ผลเสมอไป เทรดเดอร์จึงควรระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้

• ราคาอาจจะ Break Structure แล้วย้อนกลับมายังกรอบเดิมอีกครั้งได้ หรือที่เรียกว่า False Breakout นั่นเอง
• ไม่ใช่ทุก BOS จะนำไปสู่การกลับตัวของเทรนด์ บางครั้งอาจเป็นการ Break เพื่อไปต่อตามทิศทางเดิมด้วยแรงมากขึ้น
• ระวังการใช้ BOS กับกรอบเวลาเล็กๆ หรือคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนสูง เพราะอาจเกิด Noise มากเกินไป
• การวิเคราะห์ควรใช้หลายกรอบเวลาประกอบกัน และใช้แนวรับแนวต้านอื่นๆเสริมเข้ามาด้วย เพื่อความชัวร์

สรุป

BOS Forex เป็นจุดที่ราคาทะลุผ่าน Swing High หรือ Low ล่าสุดไปได้ ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างราคาในตลาด

เทรดเดอร์สามารถใช้ BOS ในการระบุทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาได้ ทั้งในแง่ของการเปลี่ยนเทรนด์ หรืออย่างน้อยก็เป็นการเปลี่ยนแนวโน้มในระยะสั้นถึงกลาง

การหาจังหวะเข้าเทรดตาม BOS ให้ได้ ต้องอาศัยการสังเกต Swing, การลาก Trendline, การใช้ EMA หรือ Fibo ประกอบกัน และรอให้ราคาย้อนมาแตะบริเวณ BOS อีกครั้งแล้วมีการดีดตัวออกมา

แต่ก็ต้องระวังเรื่อง False Break, Noise และควรมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอในตลาด Forex

Key Takeaways

• BOS คือการ Break of Structure เมื่อราคาทะลุผ่าน Swing High/Low ล่าสุดไป
• แบ่งเป็น Bullish BOS เมื่อทะลุ High และ Bearish BOS เมื่อทะลุ Low
• BOS มักเกิดหลัง Ranging Market และนำไปสู่การเคลื่อนไหวแบบ Impulsive
• ลาก Trendline จาก Swing เพื่อเห็นโครงสร้างชัดเจนและสังเกตจุด Break ได้ง่าย
• รอเข้า Trade หลังจากราคาย้อนมาแตะ BOS อีกครั้งและมี Confirmation อื่นๆ
• ต้องระวังเรื่อง False Breakout, Noise และควรใช้หลายเฟรมไทม์ร่วมกันเพื่อยืนยันสัญญาณ