Admiral Markets ดีไหม รีวิวข้อดีข้อเสียอย่างละเอียด 2024

Table of Contents

Admiral Markets ดีไหม

Admiral Markets เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับสากล แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ Admiral Markets ดีจริงหรือไม่? เรามาวิเคราะห์กันอย่างละเอียดในทุกแง่มุม

Admiral Markets
Admiral Markets

ข้อดีของ Admiral Markets

  1. ความน่าเชื่อถือสูง: ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2001 และได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานชั้นนำหลายแห่ง
  2. แพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย: รองรับทั้ง MetaTrader 4 และ MetaTrader 5
  3. ผลิตภัณฑ์การเทรดครบครัน: มีทั้ง Forex, หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโตเคอร์เรนซี
  4. สเปรดต่ำ: โดยเฉพาะในบัญชีประเภท Zero
  5. การฝากถอนที่สะดวก: รองรับหลายช่องทางและไม่มีค่าธรรมเนียม (ยกเว้นบางกรณี)
  6. เครื่องมือการเทรดขั้นสูง: เช่น VPS ฟรี และ Premium Analytics
  7. การศึกษาและการฝึกอบรม: มีบทความ วิดีโอ และเว็บบินาร์มากมาย

ข้อเสียของ Admiral Markets

  1. ค่าธรรมเนียมบัญชีไม่ใช้งาน: มีค่าธรรมเนียม 10 ยูโรต่อเดือนหากไม่มีการเทรดเป็นเวลา 24 เดือน
  2. ขั้นตอนการยืนยันตัวตน: อาจใช้เวลานานและต้องรอให้เสร็จสิ้นก่อนเริ่มเทรด
  3. ไม่มี Live Chat: ทำให้การติดต่อสื่อสารอาจไม่สะดวกเท่าที่ควร
  4. ข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์: ไม่ให้บริการในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา
Admiral Markets ข้อดีและข้อเสีย
Admiral Markets ข้อดีและข้อเสีย

โดยรวมแล้ว Admiral Markets เป็นโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพสูงและน่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนมือใหม่และมืออาชีพ ด้วยจุดเด่นด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ แพลตฟอร์มการเทรดที่มีประสิทธิภาพ และค่าธรรมเนียมที่แข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาข้อจำกัดบางประการ เช่น ค่าธรรมเนียมบัญชีไม่ใช้งานและการไม่มี Live Chat ก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี

Admiral Markets คืออะไร

Admiral Markets เป็นโบรกเกอร์ Forex และ CFD ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 ในประเทศเอสโตเนีย และได้ขยายการให้บริการไปทั่วโลก ปัจจุบันมีสำนักงานในหลายประเทศและให้บริการลูกค้ามากกว่า 140 ประเทศ

รีวิว Admiral Markets
รีวิว Admiral Markets

ประวัติและพัฒนาการ

  • 2001: ก่อตั้งบริษัทในเอสโตเนีย
  • 2009: เปิดสำนักงานในโปแลนด์และสหราชอาณาจักร
  • 2011: ได้รับใบอนุญาตจาก FCA ในสหราชอาณาจักร
  • 2015: เปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น “Admirals”
  • 2020: ขยายการให้บริการครอบคลุมมากกว่า 140 ประเทศ

ผลิตภัณฑ์และบริการ

  1. Forex: คู่สกุลเงินหลักและคู่สกุลเงินรอง
  2. CFDs: หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, พันธบัตร
  3. คริปโตเคอร์เรนซี: Bitcoin, Ethereum และอื่นๆ
  4. ETFs: กองทุนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

เทคโนโลยีการเทรด

  • MetaTrader 4 (MT4)
  • MetaTrader 5 (MT5)
  • WebTrader
  • Mobile Trading App

การศึกษาและการฝึกอบรม

Admiral Markets ให้ความสำคัญกับการศึกษาของนักลงทุน โดยมีบริการดังนี้:

  • บทความและบทวิเคราะห์ตลาด
  • วิดีโอสอนการเทรด
  • เว็บบินาร์และสัมมนาออนไลน์
  • คู่มือการเทรดสำหรับมือใหม่

ความปลอดภัยและการกำกับดูแล

Admiral Markets ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานชั้นนำหลายแห่ง รวมถึง:

  • Financial Conduct Authority (FCA) ในสหราชอาณาจักร
  • Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
  • Australian Securities and Investments Commission (ASIC)

นอกจากนี้ยังมีนโยบายการแยกบัญชีลูกค้า (Segregated Accounts) เพื่อปกป้องเงินทุนของลูกค้า

จุดเด่นของ Admiral Markets

  1. ประสบการณ์ยาวนานในอุตสาหกรรม
  2. การกำกับดูแลที่เข้มงวดจากหน่วยงานชั้นนำ
  3. แพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ
  4. ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ครอบคลุม
  5. การสนับสนุนด้านการศึกษาและการฝึกอบรมที่ดีเยี่ยม

ข้อควรพิจารณา

  1. ค่าธรรมเนียมบางประเภทอาจสูงกว่าคู่แข่ง
  2. ไม่รองรับนักลงทุนจากบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา
  3. อาจมีข้อจำกัดในการถอนเงินสำหรับบางวิธีการชำระเงิน

โดยรวมแล้ว Admiral Markets เป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงดีและน่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโบรกเกอร์ที่มีประสบการณ์ มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย และให้ความสำคัญกับการศึกษาของนักลงทุน

Admiral Markets ใบอนุญาต

ใบอนุญาตและการกำกับดูแลเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ Admiral Markets ได้รับการกำกับดูแลโดยหน่วยงานชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามมาตรฐานสูงสุดของอุตสาหกรรม

Admiral Markets ใบอนุญาต
Admiral Markets ใบอนุญาต

ใบอนุญาตหลัก

  1. Financial Conduct Authority (FCA) – สหราชอาณาจักร
    • หมายเลขใบอนุญาต: 595450
    • บริษัท: Admiral Markets UK Ltd
    • ระดับการกำกับดูแล: สูง (Tier 1)
  2. Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC) – ไซปรัส
    • หมายเลขใบอนุญาต: 201/13
    • บริษัท: Admiral Markets Cyprus Ltd
    • ระดับการกำกับดูแล: ปานกลาง (Tier 2)
  3. Australian Securities and Investments Commission (ASIC) – ออสเตรเลีย
    • หมายเลขใบอนุญาต: 410681
    • บริษัท: Admiral Markets Pty Ltd
    • ระดับการกำกับดูแล: สูง (Tier 1)
  4. Estonian Financial Supervision Authority (EFSA) – เอสโตเนีย
    • หมายเลขใบอนุญาต: 4.1-1/46
    • บริษัท: Admiral Markets AS
    • ระดับการกำกับดูแล: ปานกลาง (Tier 2)

ความสำคัญของใบอนุญาต

  1. การปกป้องนักลงทุน: หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดมาตรการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน เช่น การแยกบัญชีลูกค้า และการประกันเงินฝาก
  2. ความโปร่งใส: โบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตต้องเปิดเผยข้อมูลทางการเงินและการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
  3. มาตรฐานการดำเนินงาน: หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัย การบริหารความเสี่ยง และการปฏิบัติต่อลูกค้า
  4. การระงับข้อพิพาท: ในกรณีที่เกิดปัญหา นักลงทุนสามารถร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแลได้

การแยกบัญชีลูกค้า

Admiral Markets ใช้นโยบายการแยกบัญชีลูกค้า (Segregated Accounts) ซึ่งหมายความว่าเงินทุนของลูกค้าจะถูกเก็บแยกจากเงินทุนของบริษัท ในบัญชีธนาคารที่ได้รับการอนุมัติ นโยบายนี้ช่วยปกป้องเงินทุนของลูกค้าในกรณีที่บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน

การประกันเงินฝาก

ลูกค้าของ Admiral Markets ในบางประเทศอาจได้รับความคุ้มครองจากโครงการประกันเงินฝาก เช่น:

  • สหราชอาณาจักร: Financial Services Compensation Scheme (FSCS) คุ้มครองสูงสุด £85,000 ต่อลูกค้า
  • ไซปรัส: Investor Compensation Fund (ICF) คุ้มครองสูงสุด €20,000 ต่อลูกค้า

ข้อควรระวัง

แม้ว่า Admiral Markets จะได้รับการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด แต่นักลงทุนควรตระหนักว่า:

  1. การกำกับดูแลไม่ได้รับประกันผลกำไรหรือป้องกันการขาดทุนจากการเทรด
  2. นโยบายและการคุ้มครองอาจแตกต่างกันไปตามประเทศและหน่วยงานกำกับดูแล
  3. นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจเงื่อนไขและข้อกำหนดของโบรกเกอร์อย่างละเอียดก่อนเปิดบัญชี

สรุปแล้ว Admiral Markets มีใบอนุญาตและการกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น คุณภาพของการบริการ ค่าธรรมเนียม และความเหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรดของตนเอง

Admiral Markets ประเภทบัญชี ไหนดี

Admiral Markets นำเสนอหลากหลายประเภทบัญชีเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็นบัญชีบนแพลตฟอร์ม MetaTrader 5 (MT5) และ MetaTrader 4 (MT4) ดังนี้

Admiral Markets ประเภทบัญชี
Admiral Markets ประเภทบัญชี

บัญชีบนแพลตฟอร์ม MetaTrader 5 (MT5)

  1. Trade.MT5
    • เหมาะสำหรับ: นักลงทุนทั่วไป
    • สเปรดเริ่มต้น: 0.6 pips สำหรับ EUR/USD
    • ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มี
    • เงินฝากขั้นต่ำ: $100 หรือเทียบเท่า
    • สินทรัพย์: Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโตเคอร์เรนซี
  2. Invest.MT5
    • เหมาะสำหรับ: นักลงทุนในหุ้นและ ETFs
    • ค่าคอมมิชชั่น: ขึ้นอยู่กับตลาดและปริมาณการซื้อขาย
    • เงินฝากขั้นต่ำ: $1 หรือเทียบเท่า
    • สินทรัพย์: หุ้น, ETFs จากตลาดหลักทั่วโลก
  3. Zero.MT5
    • เหมาะสำหรับ: นักเทรดที่ต้องการสเปรดต่ำและยอมรับค่าคอมมิชชั่นได้
    • สเปรดเริ่มต้น: 0 pips สำหรับ EUR/USD
    • ค่าคอมมิชชั่น: $3 ต่อล็อต (ไป-กลับ)
    • เงินฝากขั้นต่ำ: $100 หรือเทียบเท่า
    • สินทรัพย์: Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์

บัญชีบนแพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4)

  1. Trade.MT4
    • เหมาะสำหรับ: นักลงทุนที่คุ้นเคยกับ MT4
    • สเปรดเริ่มต้น: 1.2 pips สำหรับ EUR/USD
    • ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มี
    • เงินฝากขั้นต่ำ: $100 หรือเทียบเท่า
    • สินทรัพย์: Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์
  2. Zero.MT4
    • เหมาะสำหรับ: นักเทรด MT4 ที่ต้องการสเปรดต่ำ
    • สเปรดเริ่มต้น: 0 pips สำหรับ EUR/USD
    • ค่าคอมมิชชั่น: $3 ต่อล็อต (ไป-กลับ)
    • เงินฝากขั้นต่ำ: $100 หรือเทียบเท่า
    • สินทรัพย์: Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์

เปรียบเทียบประเภทบัญชี

คุณสมบัติ Trade.MT5 Invest.MT5 Zero.MT5 Trade.MT4 Zero.MT4
สเปรดเริ่มต้น EUR/USD 0.6 pips N/A 0 pips 1.2 pips 0 pips
ค่าคอมมิชชั่น ไม่มี ตามตลาด $3/lot ไม่มี $3/lot
เงินฝากขั้นต่ำ $100 $1 $100 $100 $100
เลเวอเรจสูงสุด 1:500 1:5 1:500 1:500 1:500
สินทรัพย์ Forex, ดัชนี, โภคภัณฑ์, คริปโต หุ้น, ETFs Forex, ดัชนี, โภคภัณฑ์ Forex, ดัชนี, โภคภัณฑ์ Forex, ดัชนี, โภคภัณฑ์

ข้อควรพิจารณาในการเลือกประเภทบัญชี

  1. ประสบการณ์การเทรด: นักลงทุนมือใหม่อาจเหมาะกับบัญชี Trade.MT5 หรือ Trade.MT4 ที่มีสเปรดมาตรฐานและไม่มีค่าคอมมิชชั่น
  2. กลยุทธ์การเทรด: นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ High-Frequency Trading อาจชอบบัญชี Zero ที่มีสเปรดต่ำ
  3. สินทรัพย์ที่สนใจ: หากต้องการเทรดหุ้นหรือ ETFs บัญชี Invest.MT5 จะเหมาะสมที่สุด
  4. เงินทุน: พิจารณาเงินฝากขั้นต่ำและความสามารถในการจัดการความเสี่ยง
  5. ความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์ม: เลือกระหว่าง MT4 และ MT5 ตามความถนัด
  6. ต้นทุนการเทรด: คำนวณต้นทุนรวมจากสเปรดและค่าคอมมิชชั่น โดยเฉพาะสำหรับสไตล์การเทรดของคุณ

โดยสรุป Admiral Markets นำเสนอประเภทบัญชีที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนมือใหม่ นักเทรดมืออาชีพ หรือนักลงทุนระยะยาวในหุ้นและ ETFs การเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์การเทรดที่ดีที่สุดและมีโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดการเงินมากขึ้น

Admiral Markets เทรดอะไรได้บ้าง

Admiral Markets นำเสนอผลิตภัณฑ์การเทรดที่หลากหลาย ครอบคลุมตลาดการเงินหลักทั่วโลก ทำให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสในการทำกำไรได้หลากหลายรูปแบบ ต่อไปนี้คือรายละเอียดของสินทรัพย์ที่สามารถเทรดได้กับ Admiral Markets:

1. Forex (ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ)

  • จำนวนคู่สกุลเงิน: มากกว่า 40 คู่
  • คู่สกุลเงินหลัก: EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, USD/CHF
  • คู่สกุลเงินรอง: AUD/USD, NZD/USD, USD/CAD
  • คู่สกุลเงินแปลก: USD/TRY, USD/ZAR, USD/MXN
  • เลเวอเรจสูงสุด: 1:500 (ขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีและกฎระเบียบของแต่ละประเทศ)

2. ดัชนีหุ้น (Stock Indices)

  • จำนวนดัชนี: มากกว่า 20 ดัชนี
  • ตัวอย่างดัชนีที่เทรดได้:
    • สหรัฐอเมริกา: S&P 500, Dow Jones, NASDAQ
    • ยุโรป: DAX 30, FTSE 100, CAC 40
    • เอเชีย: Nikkei 225, Hang Seng, ASX 200
  • เทรดในรูปแบบ CFDs (Contracts for Difference)

3. หุ้น (Stocks)

  • จำนวนหุ้น: มากกว่า 3,000 หุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก
  • ตลาดหลัก: NYSE, NASDAQ, London Stock Exchange, Frankfurt Stock Exchange
  • ประเภทหุ้น: หุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ (Blue Chip) และหุ้นเติบโต (Growth Stocks)
  • เทรดในรูปแบบ CFDs และหุ้นจริง (ผ่านบัญชี Invest.MT5)

4. สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities)

  • โลหะมีค่า: ทองคำ (XAU/USD), เงิน (XAG/USD), แพลทินัม, พัลลาเดียม
  • พลังงาน: น้ำมันดิบ Brent, น้ำมันดิบ WTI, ก๊าซธรรมชาติ
  • สินค้าเกษตร: ข้าวสาลี, ข้าวโพด, ถั่วเหลือง, กาแฟ, น้ำตาล, โกโก้
  • เทรดในรูปแบบ CFDs

5. พันธบัตร (Bonds)

  • พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ: US 10-Year T-Note, US 30-Year T-Bond
  • พันธบัตรยุโรป: German Bund, UK Gilt
  • เทรดในรูปแบบ CFDs

6. คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrencies)

  • จำนวนคริปโตเคอร์เรนซี: มากกว่า 20 สกุล
  • สกุลหลัก: Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Ripple (XRP), Litecoin (LTC)
  • เทรดในรูปแบบ CFDs

7. ETFs (Exchange-Traded Funds)

  • จำนวน ETFs: มากกว่า 200 กองทุน
  • ประเภท ETFs: ดัชนีหุ้น, พันธบัตร, สินค้าโภคภัณฑ์, อสังหาริมทรัพย์
  • เทรดในรูปแบบ CFDs และ ETFs จริง (ผ่านบัญชี Invest.MT5)

ข้อควรทราบเกี่ยวกับการเทรดสินทรัพย์ต่างๆ

  1. เวลาการซื้อขาย: แตกต่างกันไปตามประเภทสินทรัพย์ เช่น Forex เทรดได้ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ ในขณะที่หุ้นและ ETFs จะเทรดได้เฉพาะในเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์
  2. สภาพคล่อง: Forex และดัชนีหุ้นหลักมีสภาพคล่องสูงที่สุด ในขณะที่หุ้นรายตัวและคริปโตเคอร์เรนซีอาจมีสภาพคล่องที่แตกต่างกันไปตามความนิยมและปริมาณการซื้อขาย
  3. ความผันผวน: คริปโตเคอร์เรนซีและหุ้นเทคโนโลยีมักมีความผันผวนสูง ในขณะที่พันธบัตรและดัชนีหุ้นใหญ่มักมีความผันผวนต่ำกว่า
  4. ต้นทุนการเทรด: สเปรดและค่าคอมมิชชั่นอาจแตกต่างกันไปตามประเภทสินทรัพย์ โดยทั่วไป Forex มักมีต้นทุนการเทรดต่ำที่สุด
  5. ข้อจำกัดด้านเลเวอเรจ: อาจมีการจำกัดเลเวอเรจสำหรับสินทรัพย์บางประเภท โดยเฉพาะคริปโตเคอร์เรนซีและหุ้นรายตัว
  6. การถือครองข้ามคืน: อาจมีค่า Swap หรือค่าธรรมเนียมการถือครองข้ามคืนสำหรับ CFDs
  7. ข้อมูลและการวิเคราะห์: Admiral Markets ให้บริการข้อมูลตลาดและบทวิเคราะห์สำหรับสินทรัพย์ส่วนใหญ่ แต่ความลึกของข้อมูลอาจแตกต่างกันไปตามประเภทสินทรัพย์

สรุปแล้ว Admiral Markets นำเสนอผลิตภัณฑ์การเทรดที่หลากหลาย ครอบคลุมตลาดการเงินหลักทั่วโลก ทำให้นักลงทุนสามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาลักษณะเฉพาะของแต่ละสินทรัพย์ และพิจารณาความเหมาะสมกับกลยุทธ์การลงทุนของตนเองก่อนตัดสินใจเทรด

Admiral Markets แพลตฟอร์มเทรด

Admiral Markets นำเสนอแพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนทุกระดับ ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ โดยมีแพลตฟอร์มหลักดังนี้:

Admiral Markets แพลตฟอร์มเทรด
Admiral Markets แพลตฟอร์มเทรด

1. MetaTrader 4 (MT4)

MT4 เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการ Forex

ข้อดี:

  • ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่
  • มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคมากมาย
  • รองรับ Expert Advisors (EAs) สำหรับการเทรดอัตโนมัติ
  • ชุมชนผู้ใช้งานขนาดใหญ่ ทำให้หาข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ง่าย

ข้อจำกัด:

  • มีสินทรัพย์ให้เทรดน้อยกว่า MT5
  • ไม่รองรับการเทรดหุ้นและ ETFs แบบเต็มรูปแบบ

2. MetaTrader 5 (MT5)

MT5 เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดจาก MT4 มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ทันสมัยและครอบคลุมมากขึ้น

ข้อดี:

  • รองรับการเทรดสินทรัพย์ที่หลากหลายกว่า รวมถึงหุ้นและ ETFs
  • มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ซับซ้อนมากขึ้น
  • ประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วขึ้น โดยเฉพาะสำหรับ EAs
  • รองรับการเปิดหลายออเดอร์พร้อมกัน (Netting)

ข้อจำกัด:

  • อาจมีความซับซ้อนมากกว่า MT4 สำหรับมือใหม่
  • EAs ที่พัฒนาสำหรับ MT4 อาจไม่สามารถใช้งานบน MT5 ได้โดยตรง

3. WebTrader

แพลตฟอร์มการเทรดบนเว็บไซต์ที่ไม่ต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม

ข้อดี:

  • เข้าถึงได้จากทุกที่ผ่านเว็บเบราว์เซอร์
  • ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม
  • อัปเดตอัตโนมัติ ไม่ต้องดูแลรักษาระบบ
  • ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่

ข้อจำกัด:

  • อาจมีฟีเจอร์จำกัดกว่าเวอร์ชันเดสก์ท็อป
  • ประสิทธิภาพอาจขึ้นอยู่กับความเร็วอินเทอร์เน็ต

4. Mobile Trading App

แอปพลิเคชันมือถือสำหรับการเทรดบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต

ข้อดี:

  • เทรดได้ทุกที่ทุกเวลา
  • การแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์
  • ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับการติดตามตลาดและจัดการพอร์ตการลงทุน

ข้อจำกัด:

  • อาจมีฟีเจอร์จำกัดกว่าเวอร์ชันเดสก์ท็อป
  • หน้าจอขนาดเล็กอาจไม่เหมาะสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคแบบละเอียด

5. MetaTrader Supreme Edition

ส่วนเสริมพิเศษสำหรับ MT4 และ MT5 ที่พัฒนาโดย Admiral Markets

ข้อดี:

  • เพิ่มเครื่องมือวิเคราะห์และอินดิเคเตอร์พิเศษ
  • มีฟีเจอร์การจัดการความเสี่ยงและการวางแผนการเทรดขั้นสูง
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ MT4 และ MT5

ข้อจำกัด:

  • อาจมีความซับซ้อนสำหรับมือใหม่
  • ต้องติดตั้งเพิ่มเติมจาก MT4 หรือ MT5 มาตรฐาน

การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม

  1. ประสบการณ์การเทรด: มือใหม่อาจเริ่มต้นด้วย WebTrader หรือ MT4 ในขณะที่นักเทรดมืออาชีพอาจชอบ MT5 หรือ MetaTrader Supreme Edition
  2. สินทรัพย์ที่ต้องการเทรด: หากต้องการเทรดหุ้นและ ETFs แบบเต็มรูปแบบ ควรเลือก MT5
  3. กลยุทธ์การเทรด: หากใช้ EAs หรือต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง ควรเลือก MT4 หรือ MT5
  4. ความถี่ในการเทรด: นักเทรดที่ต้องการติดตามตลาดตลอดเวลาอาจชอบ Mobile Trading App
  5. ความสะดวก: WebTrader เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม

โดยสรุป Admiral Markets นำเสนอแพลตฟอร์มการเทรดที่หลากหลาย ครอบคลุมความต้องการของนักลงทุนทุกระดับ นักลงทุนควรพิจารณาเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและความต้องการของตนเอง โดยอาจทดลองใช้งานผ่านบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนตัดสินใจใช้งานจริง

Admiral Markets ฝากถอนเงิน

Admiral Markets นำเสนอวิธีการฝากและถอนเงินที่หลากหลายเพื่อความสะดวกของลูกค้า อย่างไรก็ตาม วิธีการและค่าธรรมเนียมอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและประเภทบัญชี ต่อไปนี้คือข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการฝากและถอนเงินกับ Admiral Markets:

วิธีการฝากเงิน

Admiral Markets ฝากเงิน
Admiral Markets ฝากเงิน
  1. บัตรเครดิต/เดบิต
    • รองรับ: Visa, MasterCard
    • เวลาดำเนินการ: ทันที
    • ค่าธรรมเนียม: ไม่มี (อาจมีค่าธรรมเนียมจากธนาคารผู้ออกบัตร)
  2. โอนเงินผ่านธนาคาร
    • รองรับธนาคารท้องถิ่นในหลายประเทศ
    • เวลาดำเนินการ: 1-3 วันทำการ
    • ค่าธรรมเนียม: ขึ้นอยู่กับธนาคาร
  3. E-Wallets
    • รองรับ: Skrill, Neteller, PayPal (บางประเทศ)
    • เวลาดำเนินการ: ทันที
    • ค่าธรรมเนียม: ไม่มีจาก Admiral Markets (อาจมีค่าธรรมเนียมจากผู้ให้บริการ E-Wallet)
  4. การโอนเงินสกุลดิจิทัล
    • รองรับ: Bitcoin, Ethereum (ผ่านบริการแลกเปลี่ยนของ Admiral Markets)
    • เวลาดำเนินการ: ขึ้นอยู่กับการยืนยันธุรกรรมบนเครือข่าย blockchain
    • ค่าธรรมเนียม: อาจมีค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยน

วิธีการถอนเงิน

Admiral Markets ถอนเงิน
Admiral Markets ถอนเงิน
  1. บัตรเครดิต/เดบิต
    • ถอนได้เฉพาะบัตรที่ใช้ฝากเงิน
    • เวลาดำเนินการ: 1-3 วันทำการ
    • ค่าธรรมเนียม: อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการถอนบางครั้ง
  2. โอนเงินผ่านธนาคาร
    • เวลาดำเนินการ: 3-7 วันทำการ
    • ค่าธรรมเนียม: อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการถอนบางครั้ง
  3. E-Wallets
    • เวลาดำเนินการ: 1-2 วันทำการ
    • ค่าธรรมเนียม: อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการถอนบางครั้ง

ข้อควรทราบเกี่ยวกับการฝากและถอนเงิน

  1. เงินฝากขั้นต่ำ: $100 หรือเทียบเท่าสำหรับบัญชีส่วนใหญ่ (อาจแตกต่างกันตามประเภทบัญชีและภูมิภาค)
  2. การถอนเงินขั้นต่ำ: ไม่มีขั้นต่ำสำหรับการถอนเงินส่วนใหญ่
  3. การยืนยันตัวตน: ต้องผ่านการยืนยันตัวตนก่อนทำการถอนเงินครั้งแรก
  4. นโยบายการถอนเงิน: Admiral Markets มีนโยบายให้ถอนเงินผ่านวิธีการเดียวกับที่ใช้ฝากเงิน เพื่อป้องกันการฟอกเงิน
  5. ระยะเวลาการดำเนินการ: การฝากเงินส่วนใหญ่จะเข้าบัญชีทันที ยกเว้นการโอนผ่านธนาคาร ส่วนการถอนเงินอาจใช้เวลา 1-7 วันทำการ ขึ้นอยู่กับวิธีการถอน
  6. ค่าธรรมเนียม: Admiral Markets ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการฝากเงิน แต่อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการถอนเงินบางครั้ง โดยจะฟรี 1 ครั้งต่อเดือน หลังจากนั้นอาจมีค่าธรรมเนียม
  7. สกุลเงิน: สามารถฝากและถอนได้หลายสกุลเงิน เช่น USD, EUR, GBP เป็นต้น
  8. ความปลอดภัย: Admiral Markets ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อปกป้องข้อมูลทางการเงินของลูกค้า

ข้อแนะนำในการฝากและถอนเงิน

  1. วางแผนการฝากและถอนเงินล่วงหน้า โดยคำนึงถึงระยะเวลาดำเนินการ
  2. เลือกวิธีการฝากและถอนเงินที่มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดสำหรับคุณ
  3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ผ่านการยืนยันตัวตนก่อนทำการถอนเงินครั้งแรก
  4. เก็บหลักฐานการทำธุรกรรมทุกครั้งเพื่อใช้อ้างอิงในกรณีที่มีปัญหา
  5. หากมีข้อสงสัยหรือปัญหาเกี่ยวกับการฝากหรือถอนเงิน ให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Admiral Markets โดยตรง

โดยสรุป Admiral Markets นำเสนอวิธีการฝากและถอนเงินที่หลากหลายและยืดหยุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมอย่างละเอียดก่อนทำธุรกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าได้เลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตนเอง

Admiral Markets ติดต่อสอบถาม

Admiral Markets ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าและนำเสนอหลายช่องทางในการติดต่อสอบถามเพื่อให้ลูกค้าได้รับความช่วยเหลือและข้อมูลที่ต้องการอย่างรวดเร็ว ต่อไปนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการติดต่อ Admiral Markets:

Admiral Markets ติดต่อสอบถาม
Admiral Markets ติดต่อสอบถาม

1. อีเมล

  • อีเมลทั่วไป: [email protected]
  • อีเมลสำหรับลูกค้าไทย: [email protected]
  • เวลาตอบกลับ: ภายใน 24-48 ชั่วโมงในวันทำการ

ข้อดี: เหมาะสำหรับคำถามที่ไม่เร่งด่วนและต้องการคำตอบที่ละเอียด ข้อจำกัด: อาจไม่เหมาะสำหรับปัญหาเร่งด่วน

2. โทรศัพท์ Admiral Markets Thailand

  • หมายเลขโทรศัพท์สำหรับลูกค้าไทย: +66 2 026 8411
  • เวลาให้บริการ: จันทร์-ศุกร์ 09:00-17:00 น. (เวลาท้องถิ่น)

ข้อดี: สามารถได้รับคำตอบทันทีสำหรับปัญหาเร่งด่วน ข้อจำกัด: อาจต้องรอสายในช่วงเวลาที่มีผู้ใช้บริการมาก

3. Live Chat

  • สามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บไซต์หลักของ Admiral Markets
  • เวลาให้บริการ: 24/5 (ตลอด 24 ชั่วโมงในวันทำการ)

ข้อดี: สะดวก รวดเร็ว และสามารถเก็บบันทึกการสนทนาได้ ข้อจำกัด: อาจไม่เหมาะสำหรับปัญหาที่ซับซ้อนมาก

4. สื่อสังคมออนไลน์

  • Facebook: @AdmiralsGlobal
  • Twitter: @AdmiralsGlobal
  • LinkedIn: Admiral Markets

ข้อดี: สะดวกสำหรับการติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นล่าสุด ข้อจำกัด: ไม่เหมาะสำหรับการสอบถามข้อมูลส่วนตัวหรือเรื่องที่ละเอียดอ่อน

5. ศูนย์ช่วยเหลือออนไลน์ (Help Centre)

  • มีคำถามที่พบบ่อย (FAQs) และบทความช่วยเหลือมากมาย
  • สามารถค้นหาข้อมูลได้ด้วยตนเอง

ข้อดี: สามารถหาคำตอบได้ทันทีสำหรับคำถามทั่วไป ข้อจำกัด: อาจไม่ครอบคลุมปัญหาเฉพาะบุคคล

6. สำนักงานสาขา

  • Admiral Markets มีสำนักงานในหลายประเทศทั่วโลก
  • สามารถติดต่อสอบถามหรือนัดหมายเพื่อเข้าพบได้

ข้อดี: สามารถพูดคุยแบบตัวต่อตัวและได้รับคำแนะนำเฉพาะบุคคล ข้อจำกัด: อาจไม่มีสาขาในทุกประเทศ และต้องนัดหมายล่วงหน้า

ข้อแนะนำในการติดต่อ Admiral Markets

  1. เตรียมข้อมูลให้พร้อม: หมายเลขบัญชี รายละเอียดปัญหา หรือคำถามที่ต้องการสอบถาม
  2. เลือกช่องทางที่เหมาะสม: ใช้ Live Chat หรือโทรศัพท์สำหรับปัญหาเร่งด่วน ใช้อีเมลสำหรับคำถามที่ต้องการคำตอบละเอียด
  3. ระบุปัญหาให้ชัดเจน: อธิบายปัญหาหรือคำถามอย่างละเอียดเพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือที่ตรงจุด
  4. ตรวจสอบ FAQs ก่อน: หลายคำถามอาจมีคำตอบอยู่แล้วในศูนย์ช่วยเหลือออนไลน์
  5. ใช้ภาษาที่เป็นทางการและสุภาพ: เพื่อให้ได้รับการบริการที่ดีที่สุด
  6. บันทึกการติดต่อ: เก็บบันทึกวันเวลา และรายละเอียดการติดต่อทุกครั้ง

โดยสรุป Admiral Markets นำเสนอหลากหลายช่องทางในการติดต่อสอบถาม ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกวิธีที่สะดวกและเหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้ การมีทีมสนับสนุนที่พร้อมให้บริการและมีความเชี่ยวชาญเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Admiral Markets เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนทั่วโลก

สรุป Admiral Markets ดีไหม

หลังจากการวิเคราะห์อย่างละเอียด เราสามารถสรุปได้ว่า Admiral Markets เป็นโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพสูงและน่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนมือใหม่และนักเทรดมืออาชีพ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับโบรกเกอร์อื่นๆ Admiral Markets ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา

Admiral Markets เหมาะกับใคร?

  1. นักลงทุนที่ต้องการโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและมีประสบการณ์
  2. ผู้ที่ต้องการเทรดหลากหลายสินทรัพย์ในแพลตฟอร์มเดียว
  3. นักเทรดที่ชื่นชอบการใช้งาน MetaTrader และต้องการเครื่องมือเสริม
  4. ผู้ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาและพัฒนาทักษะการเทรด
  5. นักลงทุนที่ต้องการเลเวอเรจสูงและสเปรดต่ำ

คำแนะนำสุดท้าย

Admiral Markets เป็นโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพสูงและน่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และเครื่องมือการเทรดที่ทันสมัย อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี นักลงทุนควร:

  1. ศึกษาเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมอย่างละเอียด
  2. ทดลองใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อทดสอบแพลตฟอร์มและเครื่องมือต่างๆ
  3. พิจารณาความเหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรดและเป้าหมายทางการเงินของตนเอง
  4. เปรียบเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ ในตลาดเพื่อให้แน่ใจว่าได้เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมที่สุด

โดยสรุป Admiral Markets เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ ด้วยจุดเด่นด้านความน่าเชื่อถือ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และคุณภาพของแพลตฟอร์มการเทรด แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ข้อดีของ Admiral Markets ก็มีน้ำหนักมากกว่าข้อเสียสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจสุดท้ายขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล

Dojipedia removebg preview

Dojipedia เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลการลงทุนเกี่ยวกับตลาด Forex มีประสบการณ์การลงทุนในตลาด Forex มา 5 ปี ภายหลังจากที่ศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค และได้สนใจทั้ง Elliott Wave , ICT Trading , Smart Money Concept และ วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ จนชำนาญ พบว่า ความรู้ที่ตัวเองศึกษาได้ผล จึงสร้างเว็บขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ความรู้ เรามีแผนการเขียนหนังสือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อแจกฟรี สามารถหาโหลดได้โดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางการค้า

ความชำนาญ

  • การเลือกโบรกเกอร์ Forex
  • Inner Circle Trader
  • Smart Money Concept
  • Elliott Wave
  • Tradingview Technical Analysis

ผลงาน