Falling Window คืออะไร

ในโลกของการวิเคราะห์ทางเทคนิค รูปแบบแท่งเทียนเป็นเครื่องมือสำคัญในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา หนึ่งในรูปแบบที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพคือ Falling Window บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Falling Window อย่างละเอียด ตั้งแต่ความหมาย วิธีการระบุ ไปจนถึงการนำไปใช้ในการเทรดจริง

1. Falling Window คืออะไร?

Falling Window เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง โดยมีลักษณะดังนี้:

1. แท่งแรก: เป็นแท่งเทียนขาลง (bearish candle)
2. แท่งที่สอง: เป็นแท่งเทียนขาลง (bearish candle) ที่มีช่องว่าง (gap) ลงมาจากแท่งแรก

ช่องว่างระหว่างแท่งเทียนทั้งสองนี้เรียกว่า “Window” ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งในกรณีนี้เป็น Falling Window เนื่องจากราคาเปิดของแท่งที่สองต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งแรก (Morris, 2019)

ความสำคัญของ Falling Window

Falling Window เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการดำเนินต่อของแนวโน้มขาลง โดยแสดงให้เห็นว่าแรงขายยังคงมีอำนาจเหนือแรงซื้อในตลาด และอาจนำไปสู่การลดลงของราคาอย่างต่อเนื่อง (Nison, 2001)

2. วิธีระบุ Falling Window บนกราฟ

การระบุ Falling Window บนกราฟสามารถทำได้โดยมองหาลักษณะดังต่อไปนี้:

1. เกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลง
2. มีช่องว่างระหว่างแท่งเทียนสองแท่ง โดยราคาสูงสุดของแท่งที่สองต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งแรก
3. ทั้งสองแท่งเป็นแท่งเทียนขาลง (แท่งสีแดงหรือสีดำ)
4. ขนาดของช่องว่างไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก แต่ต้องเห็นได้ชัดเจน

นักเทรดควรใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) หรือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณ (Murphy, 2019)

3. วิธีใช้ Falling Window ในการเทรด

การนำ Falling Window ไปใช้ในการเทรดมีหลักการดังนี้:

3.1 การเข้าขาย

• รอให้เกิดการยืนยันแนวโน้มขาลงโดยสังเกตแท่งเทียนถัดไปหลังจาก Falling Window
• เข้าขายเมื่อราคาทะลุจุดต่ำสุดของแท่งที่สองใน Falling Window

3.2 การตั้ง Stop Loss

• ตั้ง Stop Loss ไว้เหนือจุดสูงสุดของแท่งแรกใน Falling Window
• อีกวิธีคือตั้ง Stop Loss ไว้เหนือช่องว่างของ Falling Window

3.3 การตั้ง Take Profit

• ใช้อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio) อย่างน้อย 1:2
• พิจารณาแนวรับถัดไปเป็นเป้าหมายการทำกำไร

4. ข้อควรระวังในการใช้ Falling Window

แม้ว่า Falling Window จะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่นักเทรดควรคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้:

1. ไม่ควรใช้ Falling Window เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจเทรด
2. ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย
3. ยิ่ง timeframe ยาวเท่าไหร่ สัญญาณยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้น
4. ควรให้ความสำคัญกับ Falling Window ที่เกิดขึ้นพร้อมกับปริมาณการซื้อขาย (volume) ที่เพิ่มขึ้น
5. ระวังการเกิด Gap Filling ซึ่งเป็นการที่ราคากลับมาปิดช่องว่างในภายหลัง

บทสรุป

Falling Window เป็นรูปแบบแท่งเทียนที่ทรงพลังในการยืนยันแนวโน้มขาลง การเข้าใจและนำไปใช้อย่างถูกต้องสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรใช้ร่วมกับเครื่องมือและการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: Falling Window ต่างจาก Bearish Gap ตรงไหน?

A1: Falling Window และ Bearish Gap มีความหมายเดียวกัน เพียงแต่ Falling Window เป็นคำศัพท์ที่ใช้ในการวิเคราะห์แท่งเทียนแบบญี่ปุ่น ในขณะที่ Bearish Gap เป็นคำทั่วไปที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค

Q2: Falling Window มีความแม่นยำแค่ไหน?

A2: ความแม่นยำขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น timeframe, สภาวะตลาด และการใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น โดยทั่วไปมีความแม่นยำประมาณ 65-75% เมื่อใช้ร่วมกับการวิเคราะห์อื่นๆ และเกิดขึ้นในช่วงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน

Q3: ควรใช้ Falling Window กับตลาดประเภทไหน?

A3: Falling Window สามารถใช้ได้กับตลาดหลายประเภท เช่น Forex, หุ้น, คริปโตเคอร์เรนซี และสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด ควรทดสอบและปรับใช้ให้เหมาะสมกับตลาดที่คุณเทรด

อ้างอิง

Morris, G. L. (2019). Candlestick Charting Explained: Timeless Techniques for Trading Stocks and Futures. McGraw-Hill Education.

Murphy, J. J. (2019). Technical Analysis of the Financial Markets: A Comprehensive Guide to Trading Methods and Applications. Penguin.

Nison, S. (2001). Japanese Candlestick Charting Techniques: A Contemporary Guide to the Ancient Investment Techniques of the Far East. Penguin.