เปรียบเทียบบัญชี exness ต่างกันยังไง บัญชีไหนเหมาะกับใคร

การเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การเทรด Forex ประสบความสำเร็จ บทความนี้จะวิเคราะห์รายละเอียดของบัญชี Exness แต่ละประเภทอย่างครบถ้วน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกบัญชีที่เหมาะกับรูปแบบการเทรดของคุณ

ประเภทบัญชี Exness ที่ให้บริการ

Exness มีบัญชีให้เลือก 5 ประเภทหลัก แบ่งเป็น 2 กลุ่ม:

บัญชีสำหรับมือใหม่และนักลงทุนทั่วไป

1. Standard Cent
2. Standard

บัญชีสำหรับนักลงทุนมืออาชีพ

1. Pro
2. Raw Spread
3. Zero

การเปรียบเทียบคุณสมบัติหลัก

1. เงินฝากขั้นต่ำและค่าธรรมเนียม

ประเภทบัญชี	เงินฝากขั้นต่ำ	สเปรดเริ่มต้น	ค่าคอมมิชชั่น	ค่าสว็อป
Standard Cent	$1	0.3 pips	ไม่มี	ไม่มี
Standard	$1	0.3 pips	ไม่มี	ไม่มี
Pro	$500	0.1 pips	ไม่มี	มี
Raw Spread	$200	0.0 pips	$3.5/lot	มี
Zero	$200	0.0 pips	$0.2/lot	มี

2. เครื่องมือการเทรด

ประเภทบัญชี	Forex	โลหะมีค่า	ดัชนี	หุ้น	คริปโต
Standard Cent	✓	✓	✓	×	×
Standard	✓	✓	✓	✓	✓
Pro	✓	✓	✓	✓	✓
Raw Spread	✓	✓	✓	✓	✓
Zero	✓	✓	✓	✓	✓

วิเคราะห์แต่ละประเภทบัญชีโดยละเอียด

บัญชี Standard Cent

จุดเด่น:

• เงินฝากขั้นต่ำเพียง $1
• ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
• เหมาะสำหรับการฝึกฝนด้วยเงินจริง
• สามารถเทรดด้วยขนาดเล็กมากได้ (0.01 lot)

ข้อจำกัด:

• มีสินค้าให้เทรดจำกัด
• สเปรดค่อนข้างกว้าง
• รองรับเฉพาะ MT4
• อาจมีความล่าช้าในช่วงข่าวสำคัญ

เหมาะสำหรับ:

• เทรดเดอร์มือใหม่ที่ต้องการเรียนรู้
• ผู้ที่มีเงินทุนน้อย
• ผู้ที่ต้องการทดลองกลยุทธ์ใหม่ๆ

บัญชี Standard

จุดเด่น:

• เงินฝากขั้นต่ำต่ำ
• ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
• มีสินค้าให้เทรดครบถ้วน
• รองรับทั้ง MT4 และ MT5

ข้อจำกัด:

• สเปรดสูงกว่าบัญชีระดับมืออาชีพ
• อาจมีความล่าช้าในช่วงข่าวสำคัญ
• ไม่เหมาะกับการเทรดความถี่สูง

เหมาะสำหรับ:

• นักเทรดทั่วไปที่มีประสบการณ์บ้างแล้ว
• ผู้ที่ต้องการเทรดหลากหลายสินทรัพย์
• เทรดเดอร์ที่เน้นการถือระยะกลางถึงยาว

บัญชี Pro

จุดเด่น:

• สเปรดต่ำกว่าบัญชี Standard
• ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
• มีสินค้าให้เทรดครบถ้วน
• เหมาะกับหลายรูปแบบการเทรด

ข้อจำกัด:

• ต้องการเงินฝากขั้นต่ำ $500
• มีการปรับ Leverage ในช่วงข่าว
• อาจมี Requote ในช่วงตลาดผันผวน

เหมาะสำหรับ:

• นักเทรดมืออาชีพ
• ผู้ที่มีเงินทุนมากพอ
• เทรดเดอร์ที่ต้องการต้นทุนต่ำแต่ไม่ต้องการจ่ายค่าคอมมิชชั่น

บัญชี Raw Spread

จุดเด่น:

• สเปรดต่ำที่สุด (เริ่มต้นที่ 0 pip)
• การส่งคำสั่งรวดเร็ว
• เสถียรแม้ในช่วงข่าวสำคัญ
• เหมาะกับการเทรดความถี่สูง

ข้อจำกัด:

• มีค่าคอมมิชชั่น $3.5 ต่อล็อต
• ต้องการเงินฝากขั้นต่ำ $200
• อาจไม่คุ้มค่าสำหรับการเทรดขนาดเล็ก

เหมาะสำหรับ:

• Scalper
• ผู้ใช้ EA Trading
• เทรดเดอร์ที่เน้นความเร็วในการส่งคำสั่ง

บัญชี Zero

จุดเด่น:

• สเปรด 0 pip ในคู่เงินหลัก
• ค่าคอมมิชชั่นต่ำ ($0.2 ต่อล็อต)
• เสถียรในทุกสภาวะตลาด
• เหมาะกับการเทรดความถี่สูง

ข้อจำกัด:

• ต้องการเงินฝากขั้นต่ำ $200
• สเปรด 0 มีเฉพาะบางคู่เงิน
• ต้องคำนวณต้นทุนรวมให้ดี

เหมาะสำหรับ:

• นักเทรดมืออาชีพ
• ผู้ที่เทรดปริมาณมาก
• Scalper และ Day Trader

การเลือกบัญชีตามประสบการณ์และรูปแบบการเทรด

สำหรับมือใหม่

1. แนะนำให้เริ่มต้นด้วยบัญชี Standard Cent เพราะ:
   • ใช้เงินทุนน้อย
   • เรียนรู้การเทรดได้โดยความเสี่ยงต่ำ
   • ไม่มีค่าธรรมเนียมซับซ้อน
2. เมื่อคุ้นเคยแล้วค่อยพิจารณา Standard เพราะ:
   • มีสินค้าให้เทรดมากขึ้น
   • ขนาดล็อตที่ใหญ่ขึ้นเหมาะกับการทำกำไร
   • ยังคงมีต้นทุนที่ชัดเจน

สำหรับเทรดเดอร์ระดับกลาง

1. พิจารณาบัญชี Pro เมื่อ:
   • มีเงินทุนเพียงพอ
   • ต้องการสเปรดที่ต่ำลง
   • เน้นการเทรดระยะกลางถึงยาว
2. หรือเลือก Raw Spread หาก:
   • ต้องการความเร็วในการส่งคำสั่ง
   • ไม่มีปัญหากับการจ่ายค่าคอมมิชชั่น
   • เทรดขนาดใหญ่พอที่จะคุ้มค่าคอมมิชชั่น

สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

1. เลือก Raw Spread เมื่อ:
   • เน้น Scalping หรือ Day Trading
   • ต้องการความแม่นยำในการส่งคำสั่ง
   • มีระบบการเทรดที่ชัดเจน
2. หรือเลือก Zero หาก:
   • ต้องการต้นทุนต่ำในระยะยาว
   • เทรดปริมาณมาก
   • เน้นคู่เงินหลัก

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกบัญชี

1. เงินทุน
   • ประเมินเงินทุนที่มี
   • คำนวณความเสี่ยงที่ยอมรับได้
   • พิจารณาต้นทุนการเทรดโดยรวม
2. รูปแบบการเทรด
   • ความถี่ในการเทรด
   • ระยะเวลาในการถือสถานะ
   • กลยุทธ์การเทรดที่ใช้
3. สินค้าที่ต้องการเทรด
   • คู่เงินที่สนใจ
   • สินค้าอื่นๆ เช่น ทองคำ น้ำมัน
   • คริปโตเคอร์เรนซี
4. ความต้องการด้านเทคนิค
   • แพลตฟอร์มที่ต้องการใช้
   • ความต้องการด้านความเร็ว
   • การใช้งาน EA

คำแนะนำสำหรับการเริ่มต้น

1. เริ่มจากบัญชีทดลอง
   • ทดลองใช้แพลตฟอร์ม
   • ทดสอบกลยุทธ์การเทรด
   • เรียนรู้ระบบและฟีเจอร์ต่างๆ
2. เริ่มด้วยบัญชีพื้นฐาน
   • Standard Cent หรือ Standard
   • ใช้เงินทุนน้อยๆ ก่อน
   • เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
3. พัฒนาไปสู่บัญชีระดับสูงขึ้น
   • เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น
   • มีเงินทุนเพียงพอ
   • มีกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน

สรุป

Exness เป็นโบรกเกอร์ที่มีบัญชีให้เลือกหลากหลาย แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักคือ บัญชีสำหรับมือใหม่และนักลงทุนทั่วไป (Standard Cent และ Standard) และบัญชีสำหรับนักลงทุนมืออาชีพ (Pro, Raw Spread และ Zero) แต่ละประเภทมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เช่น Standard Cent เหมาะสำหรับมือใหม่เพราะใช้เงินทุนน้อยและไม่มีค่าคอมมิชชั่น ในขณะที่ Raw Spread และ Zero เหมาะกับนักเทรดมืออาชีพที่ต้องการสเปรดต่ำและความเร็วในการส่งคำสั่ง

ปัจจัยสำคัญในการเลือกบัญชีประกอบด้วยหลายด้าน ได้แก่ เงินทุนที่มี รูปแบบการเทรด ประเภทสินค้าที่ต้องการเทรด และความต้องการด้านเทคนิค โดยแต่ละบัญชีมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น เงินฝากขั้นต่ำ ค่าสเปรด ค่าคอมมิชชั่น และประเภทสินค้าที่สามารถเทรดได้ การเลือกบัญชีที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ให้สอดคล้องกับความต้องการและประสบการณ์ของผู้เทรด

สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้เริ่มจากการใช้บัญชีทดลองเพื่อทำความคุ้นเคยกับแพลตฟอร์มและระบบต่างๆ จากนั้นจึงเริ่มด้วยบัญชีพื้นฐานอย่าง Standard Cent หรือ Standard โดยใช้เงินทุนน้อยๆ ก่อน เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น มีเงินทุนเพียงพอ และมีกลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน จึงค่อยพัฒนาไปสู่การใช้บัญชีระดับสูงขึ้น เช่น Pro, Raw Spread หรือ Zero ที่มีต้นทุนการเทรดที่ต่ำกว่าและเหมาะกับการเทรดในปริมาณมาก