Bonus

ค่าคอมมิชชั่น HFM เปรียบเทียบต้นทุนการเทรดแต่ละประเภทบัญชีปี 2025

HFM
HFM

การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของต้นทุนในการเทรด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อกำไรของคุณ ค่าคอมมิชชั่น HFM เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ค่าคอมมิชชั่นและต้นทุนการเทรดทั้งหมดของแต่ละประเภทบัญชี HFM อย่างละเอียด

Table of Contents

HFM คืออะไร? ทำไมต้นทุนการเทรดจึงสำคัญ?

HFM หรือ HF Markets เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ระดับโลกที่ให้บริการมากว่า 15 ปี มีการกำกับดูแลโดยหน่วยงานชั้นนำหลายแห่ง รวมถึง FCA จากสหราชอาณาจักร HFM มีบัญชีให้เลือกหลากหลายประเภท แต่ละประเภทมีโครงสร้างต้นทุนที่แตกต่างกัน

ทำไมต้นทุนการเทรดจึงสำคัญ?

  • ต้นทุนการเทรดมีผลโดยตรงต่อกำไรของคุณ
  • ต้นทุนที่สูงเกินไปอาจทำให้กลยุทธ์การเทรดที่มีกำไรเล็กน้อยไม่คุ้มค่า
  • การเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมช่วยให้คุณเลือกบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ

เปิดบัญชีกับ HFM

ต้นทุนการเทรดของ HFM มีอะไรบ้าง?

ก่อนที่จะเปรียบเทียบต้นทุนของแต่ละประเภทบัญชี มาทำความเข้าใจก่อนว่าต้นทุนการเทรด HFM ประกอบด้วยอะไรบ้าง:

1. ค่าสเปรด (Spread)

สเปรดคือความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขาย เป็นต้นทุนหลักในการเทรด ยิ่งสเปรดกว้าง ต้นทุนยิ่งสูง

2. ค่าคอมมิชชั่น (Commission)

ค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บเมื่อมีการเปิดหรือปิดคำสั่งซื้อขาย บางบัญชีมีค่าคอมมิชชั่น บางบัญชีไม่มี

3. ค่าสว็อป (Swap) หรือค่าถือครองข้ามคืน

ค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นเมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน มีทั้งบวกและลบขึ้นอยู่กับความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงิน

4. ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน

ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อฝากหรือถอนเงินเข้า-ออกจากบัญชีเทรด

เปิดบัญชีกับ HFM

เปรียบเทียบค่าคอมมิชชั่นและต้นทุนแต่ละประเภทบัญชี HFM

HFM มีบัญชีให้เลือกทั้งหมด 6 ประเภท แต่ละประเภทมีโครงสร้างต้นทุนที่แตกต่างกัน มาดูรายละเอียดกัน:

1. บัญชี Cent HFM – สำหรับมือใหม่

ค่าสเปรด: ตั้งแต่ 1.2 pips
ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มี
ค่าสว็อป: มี (ต้องจ่ายเมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน)
ฝากขั้นต่ำ: $0

ตัวอย่างต้นทุนการเทรด:

  • EUR/USD 1 Cent Lot (0.01 ล็อตมาตรฐาน): สเปรด 1.2 pips ≈ $0.012
  • วอลุ่มเทรด 1 เดือน 100 Cent Lots: สเปรด ≈ $1.2 (ไม่รวมสว็อป)

เหมาะสำหรับ: มือใหม่ที่ต้องการลงทุนน้อย ยอมรับสเปรดที่กว้างขึ้นเพื่อแลกกับการไม่มีค่าคอมมิชชั่น

2. บัญชี Zero HFM – สำหรับผู้ต้องการสเปรดต่ำสุด

ค่าสเปรด: เริ่มต้นที่ 0 pips สำหรับ Forex และทองคำ
ค่าคอมมิชชั่น: มี (ราคาต่อล็อต)
ค่าสว็อป: ไม่มี (ฟรีสว็อป)
ฝากขั้นต่ำ: $0

เปิดบัญชีกับ HFM

โครงสร้างค่าคอมมิชชั่นบัญชี Zero HFM:

ค่าคอมมิชชั่น HFM บัญชี Zero
ค่าคอมมิชชั่น HFM บัญชี Zero

สำหรับคู่สกุลเงินทั้งหมด:

  • ขนาดเทรด 1,000 หน่วย: $0.03 ต่อด้าน / $0.06 ต่อรอบเทรด
  • ขนาดเทรด 10,000 หน่วย: $0.3 ต่อด้าน / $0.6 ต่อรอบเทรด
  • ขนาดเทรด 100,000 หน่วย (1 ล็อตมาตรฐาน): $3 ต่อด้าน / $6 ต่อรอบเทรด

สำหรับทองคำ:

  • ขนาดเทรด 1 ออนซ์: $0.07 ต่อด้าน / $0.14 ต่อรอบเทรด
  • ขนาดเทรด 10 ออนซ์: $0.7 ต่อด้าน / $1.4 ต่อรอบเทรด
  • ขนาดเทรด 100 ออนซ์: $7 ต่อด้าน / $14 ต่อรอบเทรด

ตัวอย่างต้นทุนการเทรด:

  • EUR/USD 1 ล็อตมาตรฐาน: สเปรด 0 pip + คอมมิชชั่น $6 ต่อรอบเทรด
  • เทรด 10 ครั้ง/เดือน: ค่าคอมมิชชั่นรวม $60

เหมาะสำหรับ: สแคลปเปอร์และเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อย ต้องการสเปรดต่ำที่สุดและไม่มีค่าสว็อป

เปิดบัญชีกับ HFM

3. บัญชี Pro HFM – สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

ค่าสเปรด: ตั้งแต่ 0.5 pips
ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มี
ค่าสว็อป: ไม่มี (ฟรีสว็อป)
ฝากขั้นต่ำ: $100 / €100 / ฿3,300

ตัวอย่างต้นทุนการเทรด:

  • EUR/USD 1 ล็อตมาตรฐาน: สเปรด 0.5 pips ≈ $5
  • เทรด 10 ครั้ง/เดือน: ต้นทุนรวม ≈ $50

เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการสเปรดต่ำ ไม่มีค่าคอมมิชชั่น และไม่มีค่าสว็อป

4. บัญชี Premium HFM – สำหรับเทรดเดอร์ทั่วไป

ค่าสเปรด: ตั้งแต่ 1.2 pips
ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มี
ค่าสว็อป: ไม่มี (ฟรีสว็อป)
ฝากขั้นต่ำ: $0

ตัวอย่างต้นทุนการเทรด:

  • EUR/USD 1 ล็อตมาตรฐาน: สเปรด 1.2 pips ≈ $12
  • เทรด 10 ครั้ง/เดือน: ต้นทุนรวม ≈ $120

เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ทั่วไปที่ไม่ต้องการเงินฝากขั้นต่ำและไม่มีค่าสว็อป แม้ว่าจะมีสเปรดที่กว้างกว่า

5. บัญชี Crypto CFD HFM – สำหรับเทรดคริปโต

ค่าสเปรด: แปรผันตามสภาพตลาด
ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มี
ค่าสว็อป: มี (ต้องจ่ายเมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน)
ฝากขั้นต่ำ: $0

ตัวอย่างต้นทุนการเทรด:

  • BTC/USD: สเปรดประมาณ 0.5-1% ของมูลค่า
  • ETH/USD: สเปรดประมาณ 0.5-1% ของมูลค่า

เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่สนใจเทรดคริปโตโดยเฉพาะ และต้องการเทรด 24/7

เปิดบัญชีกับ HFM

6. บัญชีโบนัสเงินฝาก HFM – สำหรับผู้ต้องการเพิ่มเงินทุน

ค่าสเปรด: ตั้งแต่ 1.4 pips
ค่าคอมมิชชั่น: ไม่มี
ค่าสว็อป: ไม่มี (ฟรีสว็อป)
ฝากขั้นต่ำ: $0
โบนัส: 100% สูงสุดถึง $500

ตัวอย่างต้นทุนการเทรด:

  • EUR/USD 1 ล็อตมาตรฐาน: สเปรด 1.4 pips ≈ $14
  • เทรด 10 ครั้ง/เดือน: ต้นทุนรวม ≈ $140

เหมาะสำหรับ: เทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มเงินทุนด้วยโบนัส ยอมรับสเปรดที่กว้างขึ้น

เปรียบเทียบต้นทุนการเทรดโดยรวมของแต่ละบัญชี HFM

ฟรีค่าคอมมิชชั่น
ฟรีค่าคอมมิชชั่น

เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ลองมาดูการเปรียบเทียบต้นทุนการเทรดโดยรวมของแต่ละบัญชี โดยคำนวณจากการเทรด EUR/USD 1 ล็อตมาตรฐาน 10 ครั้งต่อเดือน:

ประเภทบัญชี สเปรด ค่าคอมมิชชั่น ต้นทุนต่อเทรด ต้นทุนรวมต่อเดือน ค่าสว็อป
Cent 1.2 pips ไม่มี $12 $120 มี
Zero 0 pips $6 $6 $60 ไม่มี
Pro 0.5 pips ไม่มี $5 $50 ไม่มี
Premium 1.2 pips ไม่มี $12 $120 ไม่มี
Crypto CFD 0.5-1% ไม่มี แปรผัน แปรผัน มี
โบนัสเงินฝาก 1.4 pips ไม่มี $14 $140 ไม่มี

ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอนของ HFM

นอกจากต้นทุนในการเทรดแล้ว ค่าธรรมเนียมในการฝากและถอนเงินก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา:

  • ฝากเงินผ่านธนาคารไทย: ไม่มีค่าธรรมเนียม
  • ถอนเงินผ่านธนาคารไทย: ไม่มีค่าธรรมเนียม
  • บัตรเครดิต/เดบิต: มีค่าธรรมเนียมในการถอน 5%
  • Skrill, Neteller: มีค่าธรรมเนียม 1%

การคำนวณต้นทุนการเทรดกับ HFM

เพื่อให้เข้าใจการคำนวณต้นทุนการเทรดได้ดียิ่งขึ้น มาดูตัวอย่างการคำนวณกัน:

วิธีคำนวณต้นทุนจากสเปรด

สูตร: สเปรด (pips) × มูลค่าต่อ pip × จำนวนล็อต

ตัวอย่าง: EUR/USD มีสเปรด 1.2 pips, มูลค่า 1 pip สำหรับล็อตมาตรฐาน = $10

  • ต้นทุนสเปรด = 1.2 × $10 × 1 = $12

วิธีคำนวณต้นทุนจากค่าคอมมิชชั่น

สำหรับบัญชี Zero:

  • 1 ล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย) = $3 ต่อด้าน หรือ $6 ต่อรอบเทรด (เปิด+ปิด)
  • 0.1 ล็อต (10,000 หน่วย) = $0.3 ต่อด้าน หรือ $0.6 ต่อรอบเทรด
  • 0.01 ล็อต (1,000 หน่วย) = $0.03 ต่อด้าน หรือ $0.06 ต่อรอบเทรด

วิธีคำนวณต้นทุนจากค่าสว็อป

ค่าสว็อปจะแตกต่างกันไปตามแต่ละคู่สกุลเงินและทิศทางของคำสั่งซื้อขาย (Buy/Sell)

  • ตัวอย่าง: EUR/USD มีค่าสว็อปประมาณ -$8.48 ต่อล็อตต่อคืนสำหรับตำแหน่ง Buy และ -$3.16 ต่อล็อตต่อคืนสำหรับตำแหน่ง Sell
  • ถือตำแหน่ง Buy 1 ล็อตเป็นเวลา 7 คืน = 7 × (-$8.48) = -$59.36

เปิดบัญชีกับ HFM

ประเภทเทรดเดอร์กับบัญชี HFM ที่เหมาะสมด้านต้นทุน

HFM ประเภทบัญชี 2025
HFM ประเภทบัญชี 2025

ต้นทุนการเทรดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของคุณ มาดูว่าแต่ละประเภทเทรดเดอร์ควรเลือกบัญชีไหนเพื่อให้ได้ต้นทุนที่คุ้มค่าที่สุด:

1. สแคลปเปอร์ (Scalper)

บัญชีที่แนะนำ: Zero เหตุผล: สแคลปเปอร์ทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย จึงต้องการสเปรดที่ต่ำที่สุด แม้จะมีค่าคอมมิชชั่น แต่สเปรดที่เริ่มต้นที่ 0 ก็คุ้มค่ากว่าสำหรับการเทรดความถี่สูง

2. เดย์เทรดเดอร์ (Day Trader)

บัญชีที่แนะนำ: Zero หรือ Pro เหตุผล:

  • Zero: เหมาะหากเทรดหลายครั้งต่อวันและต้องการสเปรดต่ำที่สุด
  • Pro: เหมาะหากเทรดไม่บ่อยภายในวัน และไม่ต้องการจ่ายค่าคอมมิชชั่น

3. สวิงเทรดเดอร์ (Swing Trader)

บัญชีที่แนะนำ: Pro เหตุผล: สวิงเทรดเดอร์ถือครองตำแหน่งข้ามคืนหลายวัน บัญชี Pro มีสเปรดที่ต่ำพอสมควร ไม่มีค่าคอมมิชชั่น และไม่มีค่าสว็อป ทำให้เหมาะสมที่สุดสำหรับการถือครองระยะกลาง

4. การเทรดตำแหน่ง (Position Trader)

บัญชีที่แนะนำ: Pro หรือ Premium เหตุผล:

  • Pro: เหมาะหากมีเงินทุนเพียงพอ ($100 ขึ้นไป) เพราะสเปรดต่ำกว่าและไม่มีค่าสว็อป
  • Premium: เหมาะหากมีเงินทุนจำกัดและไม่ต้องการฝากขั้นต่ำ แม้จะมีสเปรดกว้างกว่าก็ไม่มีค่าสว็อป

5. นักลงทุนคริปโต

บัญชีที่แนะนำ: Crypto CFD เหตุผล: ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการเทรดคริปโต มีเลเวอเรจสูงถึง 1:1000 และสามารถเทรด 24/7

เปิดบัญชีกับ HFM

เทคนิคลดต้นทุนการเทรดกับ HFM

นอกจากการเลือกบัญชีที่เหมาะสมแล้ว ยังมีเทคนิคอื่นๆ ที่ช่วยลดต้นทุนการเทรดได้:

1. เลือกคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง

คู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs) เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY มักมีสเปรดที่แคบกว่าคู่เงินรอง

2. เทรดในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูง

ช่วงที่ตลาดหลักเปิดทำการ มักมีสเปรดที่แคบกว่าช่วงเวลาอื่น

3. ใช้ประโยชน์จากฟรีสว็อป

หากคุณต้องการถือครองตำแหน่งข้ามคืน ให้เลือกบัญชีที่ไม่มีค่าสว็อป เช่น Zero, Pro, Premium

4. รับโบนัสเงินฝาก

โบนัสเงินฝากช่วยเพิ่มเงินทุนของคุณ แต่ให้ตรวจสอบเงื่อนไขการถอนให้ดี

5. ใช้คำสั่งซื้อขายอย่างชาญฉลาด

การใช้คำสั่ง Limit Order แทน Market Order อาจช่วยให้ได้ราคาที่ดีกว่า

เปิดบัญชีกับ HFM

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับค่าคอมมิชชั่น HFM

บัญชีไหนของ HFM ที่มีค่าคอมมิชชั่น?

เฉพาะบัญชี Zero เท่านั้นที่มีค่าคอมมิชชั่น บัญชีอื่นๆ ไม่มีค่าคอมมิชชั่น

ค่าคอมมิชชั่นของบัญชี Zero คิดอย่างไร?

คิด $3 ต่อด้านต่อล็อตมาตรฐาน หรือ $6 ต่อรอบเทรด (เปิด+ปิด)

HFM มีค่าสว็อปหรือไม่?

บัญชี Cent และ Crypto CFD มีค่าสว็อป ส่วนบัญชี Zero, Pro, Premium และโบนัสเงินฝาก ไม่มีค่าสว็อป

วิธีคำนวณต้นทุนรวมในการเทรดกับ HFM ทำอย่างไร?

รวมต้นทุนทั้งหมด = ค่าสเปรด + ค่าคอมมิชชั่น (ถ้ามี) + ค่าสว็อป (ถ้ามี)

วิธีลดต้นทุนการเทรดกับ HFM ทำอย่างไร?

เลือกบัญชีที่เหมาะกับสไตล์การเทรด เทรดในช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูง และเลือกคู่สกุลเงินหลัก

เปิดบัญชีกับ HFM

สรุป: เลือกบัญชี HFM ให้เหมาะกับต้นทุนที่คุณยอมรับได้

การเลือกบัญชี HFM ที่เหมาะสมกับคุณขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรด ความถี่ในการเทรด และต้นทุนที่คุณยอมรับได้:

  • บัญชี Zero: ต้นทุนต่ำที่สุดสำหรับสแคลปเปอร์และผู้ที่เทรดบ่อย
  • บัญชี Pro: สมดุลที่ดีระหว่างสเปรดต่ำและไม่มีค่าคอมมิชชั่น
  • บัญชี Premium: ไม่มีเงินฝากขั้นต่ำและไม่มีค่าสว็อป แม้จะมีสเปรดกว้างกว่า
  • บัญชี Cent: เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่มีเงินทุนน้อย
  • บัญชี Crypto CFD: เหมาะสำหรับการเทรดคริปโตโดยเฉพาะ
  • บัญชีโบนัสเงินฝาก: เพิ่มเงินทุนด้วยโบนัส แลกกับสเปรดที่กว้างขึ้น

การเข้าใจโครงสร้างต้นทุนของแต่ละบัญชีจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด ลดต้นทุนการเทรด และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้น โดยสรุปแล้ว:

  • สแคลปเปอร์/เทรดความถี่สูง: เลือกบัญชี Zero (สเปรดต่ำสุด + ค่าคอมมิชชั่น)
  • เดย์เทรดเดอร์: เลือกบัญชี Zero หรือ Pro ขึ้นอยู่กับความถี่
  • สวิงเทรดเดอร์: เลือกบัญชี Pro (สเปรดต่ำ + ไม่มีค่าสว็อป)
  • การเทรดตำแหน่งระยะยาว: เลือกบัญชี Pro หรือ Premium (ไม่มีค่าสว็อป)
  • นักลงทุนคริปโต: เลือกบัญชี Crypto CFD (เทรด 24/7)
  • มือใหม่: เลือกบัญชี Cent (เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนน้อย)

ไม่ว่าคุณจะเลือกบัญชีประเภทใด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจโครงสร้างต้นทุนทั้งหมดของบัญชีนั้น ทั้งค่าสเปรด ค่าคอมมิชชั่น และค่าสว็อป เพื่อให้สามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายทางการเงินของคุณ

เปิดบัญชีกับ HFM

วิธีเปิดบัญชีกับ HFM และเริ่มเทรดด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

HFM วิธีเปิดบัญชี
HFM วิธีเปิดบัญชี

หากคุณตัดสินใจเลือกบัญชี HFM ที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณแล้ว นี่คือขั้นตอนง่ายๆ ในการเริ่มต้น:

  1. เข้าสู่เว็บไซต์ HFM – ไปที่เว็บไซต์ทางการของ HFM
  2. คลิกที่ “เปิดบัญชี” – อยู่ที่มุมขวาบนของหน้าเว็บ
  3. กรอกข้อมูลส่วนตัว – กรอกข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วน
  4. เลือกประเภทบัญชี – เลือกประเภทบัญชีที่เหมาะกับความต้องการด้านต้นทุนของคุณ
  5. ยืนยันตัวตน – อัปโหลดเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนตามข้อกำหนด KYC
  6. ฝากเงิน – ฝากเงินเข้าบัญชีผ่านช่องทางที่สะดวก
  7. ดาวน์โหลดแพลตฟอร์ม – ดาวน์โหลดและติดตั้งแพลตฟอร์มที่คุณต้องการใช้
  8. เริ่มเทรด – เริ่มเทรดด้วยต้นทุนที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ

ก่อนเริ่มเทรดด้วยเงินจริง แนะนำให้ทดลองใช้บัญชีเดโมก่อน เพื่อให้คุ้นเคยกับแพลตฟอร์มและทดสอบกลยุทธ์การเทรดโดยไม่มีความเสี่ยง

เปิดบัญชีกับ HFM

ตัวอย่างการคำนวณต้นทุนในสถานการณ์จริง

เพื่อให้เข้าใจภาพรวมต้นทุนการเทรดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มาดูตัวอย่างการคำนวณต้นทุนในสถานการณ์จริงของเทรดเดอร์แต่ละประเภท:

สถานการณ์ที่ 1: สแคลปเปอร์

  • เทรด 20 ครั้งต่อวัน
  • ขนาด 0.1 ล็อตต่อครั้ง
  • คู่เงิน EUR/USD
  • ใช้บัญชี Zero

การคำนวณต้นทุน:

  • ค่าคอมมิชชั่น: 20 ครั้ง × 0.1 ล็อต × $6 = $12 ต่อวัน
  • ต้นทุนรวมต่อเดือน (20 วันทำการ): $12 × 20 = $240

สถานการณ์ที่ 2: เดย์เทรดเดอร์

  • เทรด 5 ครั้งต่อวัน
  • ขนาด 0.5 ล็อตต่อครั้ง
  • คู่เงิน GBP/USD
  • ใช้บัญชี Pro

การคำนวณต้นทุน:

  • ค่าสเปรด: 5 ครั้ง × 0.5 ล็อต × 0.5 pips × $10 = $12.5 ต่อวัน
  • ต้นทุนรวมต่อเดือน (20 วันทำการ): $12.5 × 20 = $250

สถานการณ์ที่ 3: สวิงเทรดเดอร์

  • เทรด 10 ครั้งต่อเดือน
  • ขนาด 1 ล็อตต่อครั้ง
  • คู่เงิน USD/JPY
  • ถือครองเฉลี่ย 3 วันต่อเทรด
  • ใช้บัญชี Pro

การคำนวณต้นทุน:

  • ค่าสเปรด: 10 ครั้ง × 1 ล็อต × 0.5 pips × $9.30 = $46.5
  • ค่าสว็อป: $0 (ไม่มีค่าสว็อปในบัญชี Pro)
  • ต้นทุนรวมต่อเดือน: $46.5

เปิดบัญชีกับ HFM

สถานการณ์ที่ 4: การเทรดตำแหน่งระยะยาว

  • เทรด 2 ครั้งต่อเดือน
  • ขนาด 2 ล็อตต่อครั้ง
  • คู่เงิน EUR/USD
  • ถือครองเฉลี่ย 15 วันต่อเทรด
  • ใช้บัญชี Premium

การคำนวณต้นทุน:

  • ค่าสเปรด: 2 ครั้ง × 2 ล็อต × 1.2 pips × $10 = $48
  • ค่าสว็อป: $0 (ไม่มีค่าสว็อปในบัญชี Premium)
  • ต้นทุนรวมต่อเดือน: $48

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่าแต่ละสไตล์การเทรดมีโครงสร้างต้นทุนที่แตกต่างกัน การเลือกบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

สรุป

ค่าคอมมิชชั่นและต้นทุนการเทรดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเทรด การเข้าใจโครงสร้างต้นทุนของแต่ละประเภทบัญชี HFM และเลือกบัญชีที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แต่ละประเภทบัญชีของ HFM มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ค่าสเปรด ค่าคอมมิชชั่น ค่าสว็อป เงินฝากขั้นต่ำ และโบนัส จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกบัญชีที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้อย่างชาญฉลาด

ไม่ว่าคุณจะเป็นสแคลปเปอร์ เดย์เทรดเดอร์ สวิงเทรดเดอร์ หรือนักลงทุนระยะยาว HFM มีประเภทบัญชีที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ การเข้าใจและวางแผนต้นทุนการเทรดอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณก้าวไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

เปิดบัญชีกับ HFM

หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าคอมมิชชั่นหรือต้นทุนการเทรดกับ HFM สามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าได้ที่:

  • อีเมล: [email protected]
  • โทรศัพท์: +44-203 097 85 71
  • Live Chat: บนเว็บไซต์ HFM
Dojipedia removebg preview

Dojipedia เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลการลงทุนเกี่ยวกับตลาด Forex มีประสบการณ์การลงทุนในตลาด Forex มา 5 ปี ภายหลังจากที่ศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค และได้สนใจทั้ง Elliott Wave, ICT Trading, Smart Money Concept และวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ จนชำนาญ พบว่า ความรู้ที่ตัวเองศึกษาได้ผล จึงสร้างเว็บขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ความรู้ เรามีแผนการเขียนหนังสือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อแจกฟรี สามารถหาโหลดได้โดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางการค้า

ความชำนาญ

  • การเลือกโบรกเกอร์ Forex
  • Inner Circle Trader
  • Smart Money Concept
  • Elliott Wave
  • Tradingview Technical Analysis

ผลงาน